นายซิ่ว หยูเซิง รองประธานสภานิติบัญญัติและประธานกิตติมศักดิ์ของสถาบันวิจัยพลังงานไฟฟ้าแห่งชาติ เปิดเผยวันนี้ว่า จีนต้องประเมินความเสี่ยงอย่างเต็มรูปแบบ และมีระบบการตรวจสอบที่ชัดเจน หากจะอนุมัติโครงการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ เนื่องจากโลกเคยได้รับบทเรียนจากวิกฤตโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ฟุกุชิม่าแล้ว
"ปัจจัยเสี่ยงต้องถูกนำมาพิจารณาตั้งแต่เริ่มแรกในการวางแผนสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ เพราะความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์นั้นเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้" นายซิ่วกล่าว
นายซิ่ว ซึ่งให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซินหัวระหว่างการประชุมรัฐสภาประจำปี โดยได้เน้นย้ำถึงประเด็นเรื่องความปลอดภัยในการพัฒนาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในจีน หลังจากเพิ่งครบรอบ 1 ปีที่ญี่ปุ่นเผชิญภัยพิบัติแผ่นดินไหวและสึนามิ ซึ่งเป็นผลให้เกิดวิกฤตการณ์โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ครั้งร้ายแรงที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ
"การพัฒนาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เกี่ยวข้องกับสวัสดิภาพของชาติ และความเป็นอยู่ของประชาชน" นายซิ่วกล่าวพร้อมระบุว่า "ดังนั้น เราไม่อาจดำเนินแผนการนี้โดยมองว่าวิกฤตการณ์นิวเคลียร์มีความเป็นไปได้น้อย และไม่มีมาตรการรับมือใดๆ"
นายซิ่ว ซึ่งเป็นสมาชิกของสถาบันวิศวกรรมแห่งชาติจีน ยังกล่าวด้วยว่า โรงไฟฟ้าทุกประเภทมีข้อเสียในตัวเอง อย่างไรก็ดี ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงด้านพลังงาน จีน ซึ่งเป็นผู้บริโภคพลังงานรายใหญ่ ก็ไม่ควรล้มเลิกโครงการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์
"เราจำเป็นต้องรับมือกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น และไม่ควรเลิกใช้พลังงานนิวเคลียร์ เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน" นายซิ่วกล่าว
เขายังเน้นว่า ทัศนคติที่รอบคอบภายใต้ความเข้าใจความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นอย่างถ่องแท้จะเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์ของจีน อีกทั้งยังเรียกร้องให้มีการปรับปรุงกลไกการจัดการพลังงานนิวเคลียร์ของประเทศ รวมถึงจัดตั้งระบบตรวจสอบที่สามารถระบุหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบเหตุไม่คาดฝันใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ สำนักข่าวซินหัวรายงาน