"เสธ.หนั่น-อภิสิทธิ์"จี้"บิ๊กบัง"แจงปมปฏิวัติปี 49 สกัดความเข้าใจผิด

ข่าวการเมือง Thursday March 22, 2012 14:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.ต.สนั่น ขจรประศาสตร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา ยืนยันว่า พล.อ.สนธิ บุญรัตกลิน หัวหน้าพรรคมาตุภูมิ และประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดองแห่งชาติ สภาผู้แทนราษฎร ควรออกมาชี้แจงความจริง ให้สังคมได้รับทราบถึงเบื้องหลังการรัฐประหารเมื่อปี 2549 เพราะเป็นปมสำคัญที่จะทำให้รู้ว่าเหตุใดถึงมีความขัดแย้งเกิดขึ้น แต่การที่ พล.อ.สนธิ ระบุว่าทุกคนต้องลืมอดีตและก้าวข้ามสิ่งที่ผ่านมานั้น ตนเองเห็นว่าก่อนจะถึงขั้นนี้จะต้องพูดความจริงกันก่อน และส่วนตัวรู้สึกผิดหวังกับข้อเสนอของสถาบันพระปกเกล้าที่ได้มีการรายงานผลการวิจัย และเห็นว่าการสร้างความปรองดองนั้นล้มเหลว ดังนั้นจึงต้องตั้งหลักและเดินหน้าในการสร้างความปรองดอง โดยตนเองจะยังคงเดินหน้าต่อไปและขอให้ทุกคนต้องออกมาพูดความจริงเพื่อให้ประเทศเดินไปได้และเกิดการปรองดองอย่างแท้จริง

พล.ต.สนั่น กล่าวว่า รัฐบาลควรเป็นเจ้าภาพในการสร้างความปรองดองด้วย ไม่ใช่มีแค่คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ(คอป.) และสภาผู้แทนราษฎรเท่านั้น

"ผมไม่ได้ถามลึกลับซับซ้อน ถ้าพลเอกสนธิตอบก็จบ เป็นคำถามง่ายๆ เรื่องข้อเท็จจริง การเป็นประธานกรรมาธิการปรองดองต้องค้นหาความจริง ไม่ใช่โยนให้คนอื่น ถ้าท่านบอกว่าทำปฏิวัติด้วยตัวเองก็จบ เพราะบรรยากาศอึมครึม บางคนคิดว่าว่าอำมาตย์และสถาบันมีส่วนรู้เห็นด้วย และประชาชนไม่เข้าใจ ผมจึงขอร้องให้ท่านตอบสั้นๆ ว่ามีคนอยู่เบื้องหลังหรือท่านทำเอง" พล.ต.สนั่น กล่าว

ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการทำงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดองแห่งชาติ สภาผู้แทนราษฎร ที่จะขยายเวลาการทำงานออกไปอีก 30 วันว่า จะมีส่วนช่วยให้มีเวลานำรายงานการวิจัยไปดำเนินการตามคำแนะนำ ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มในการพูดคุยประเด็นสำคัญ โดยพยายามเปิดกว้างสร้างกระบวนการพูดคุยเพื่อให้เกิดบรรยากาศการปรองดอง ส่วนที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตนกลิน ประธานคณะกรรมาธิการฯ จะสรุปรายงานภายในกลางเดือน เม.ย.นั้น ตนเองคิดว่ากระบวนการเสวนาอาจไม่ต้องดำเนินการโดยกรรมาธิการชุดนี้ แต่ควรส่งรายงานให้สภาฯจัดทำรับฟังความเห็นต่างๆ ต่อเนื่องต่อไป

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หากกรรมาธิการฯไม่ยึดตามแนวทางนี้ ตนเองก็ขอเรียกร้องไปยังคณะผู้วิจัยและสถาบันพระปกเกล้าว่าจะยินยอมให้เอารายงานมาถูกหยิบฉวยไปใช้โดยไม่สอดคล้องกับเจตนารมณ์หรือไม่ ทั้งนี้เรายังมีเวลาในการที่จะให้ทุกฝ่ายเกิดความมั่นใจมากขึ้นว่ารายงานดังกล่าวครบถ้วนเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยอาจใช้เวลาอีก 1-2 สัปดาห์ เพราะการสอบถามความเห็นยังไม่รอบด้าน

อย่างไรก็ตาม ตนเองในฐานะที่เป็นกรรรมการสภาสถาบันพระปกเกล้าจะสอบถามเกี่ยวกับการทำงานวิจัยดังกล่าว ในการประชุมสภาสถาบันครั้งต่อไปเพราะกระทบกระเทือนต่อสถาบัน

ส่วนกรณีที่นายวุฒิสาร ตันไชย รองเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า ยอมรับว่า มีการตั้งโจทย์เพื่อปรองดองกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นสาเหตุที่ทำให้ไม่ได้ข้อยุติ ตนเองไม่อยากให้ประเทศผิดซ้ำสอง

"จะด้วยความเกรงใจหรือเกรงกลัวกลุ่มมวลชนที่ต้องการล้างความผิดให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ถ้าเราเพียงบอกว่าให้จบๆ กันไป จะกลายเป็นการสร้างปัญหาใหม่ซึ่งอาจจะใหญ่กว่าเก่าให้สังคมในอนาคต เพราะเรากำลังยอมรับให้มีการใช้ความรุนแรง กำลังส่งสัญญาณว่าการทุจริตไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ซึ่งทำให้สังคมจะมีความขัดแย้งรุนแรงมากขึ้น" นายอภิสิทธิ์ กล่าว

การที่คณะผู้วิจัยหยิบยกข้อเสนอของคนเพียงคนเดียวในเรื่องการล้มคดี คตส.ทำให้ตนเองไม่เห็นด้วย เพราะข้อเสนอของอีก 10 คน กลับไม่มีการหยิบยกมาเพียงเพราะไม่ตอบโจทย์คนที่กำลังโวยวายหรือข่มขู่ประเทศชาติ แต่คนที่มีส่วนได้เสีย ได้ประโยชน์ชัดๆ คนเดียวและมีการแลกกับการไม่ก่อความวุ่นวายกลายเป็นสิ่งที่ต้องตอบสนอง ซึ่งจะทำให้คนที่เสียงดังจะได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ และบ้านเมืองจะไม่ปรองดองอย่างยิ่ง นายอภิสิทธิ์ กล่าว

ส่วนกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ อ้างว่าในคดีแพ่งเกี่ยวกับคดีทุจริตจัดซื้อที่ดินย่านรัชดานั้นได้มีการตัดสินให้คืนเงินแล้ว จะส่งผลในส่วนของคดีอาญาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คดีแพ่งดังกล่าวเป็นผลมาจากการที่ศาลตัดสินว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ทราบว่าใครสอนกฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะคดีแพ่งนี้สืบเนื่องมาจากคดีอาญา พ.ต.ท.ทักษิณ อาจจะไปฟังมาจากร.ต.อ.เฉลิม หรือไม่ เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้ประโยชน์จากคำพิพากษา ความจริงคนมองข้ามไป ในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมาพ.ต.ท.ทักษิณ ชนะคดีหลายคดี และไม่เคยบ่นว่าสองมาตรฐาน แต่พอแพ้ก็มาบ่นว่าเป็นสองมาตรฐานทุกครั้ง ถ้าทุกคนใช้มาตรฐานเดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ต่อไปคงไม่มีใครยอมแพ้คดี

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ส่วนตัวผิดหวังที่ พล.อ.สนธิ ไม่ตอบคำถามเบื้องหลังการปฏิวัติ 2549 ของ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา เพราะเป็นสิ่งที่ พล.อ.สนธิ ต้องตอบให้เกิดความกระจ่างต่อสังคม ถ้าไม่ยอมให้ความจริงกันจะเดินหน้าได้อย่างไร คณะกรรมาธิการปรองดองฯเน้นเรื่องความจริง แต่ตัว พล.อ.สนธิ ยังไม่ให้ความจริงแล้วจะเดินตามที่กรรมาธิการสรุปได้อย่างไร การตอบในลักษณะกำกวมอย่างนี้ไม่เป็นผลดีกับใคร ถ้าจะให้ปรองดองจะต้องตอบ และ พล.อ.สนธิ จะต้องรู้ว่าการไม่ตอบสร้างปัญหาอะไรขึ้นมาได้

ส่วนความคืบหน้าดีภาษีหุ้นชินคอร์ปฯ 1.2 หมื่นล้านบาท ที่กำลังจะหมดอายุความในเดือน มี.ค.นี้ โดย ปชป.ได้ทำหนังสือให้กรมสรรพากรเร่งดำเนินการแล้ว นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า กำลังรอดูว่าหากมีเจ้าหน้าที่ไม่ทำตามหน้าที่ก็ต้องรับผิดชอบทางกฎหมาย ถ้าไม่ทำก็เท่ากับว่าเลือกที่จะปล่อยให้อายุความหมดทั้งที่มีการเตือนแล้ว ซึ่งถ้าไม่มีความคืบหน้าทั้งกรมสรรพากร และกระทรวงการคลังต้องรับผิดชอบ และรัฐบาลเองก็ทราบข้อเท็จจริงซึ่งถ้าไม่ทำตามหน้าที่ก็ถือว่าละเว้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ