หนังสือพิมพ์แกรนมา ซึ่งเป็นสื่อทางการของคิวบา รายงานว่า นายฟิเดล คาสโตร อดีตผู้นำคิวบากล่าววานนี้ว่า หากสหรัฐโจมตีอิหร่าน จะถือเป็นความผิดพลาดที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ
นายคาสโตรเปิดเผยในบทความชื่อ "The Roads Leading to Disaster" หรือ หนทางสู่หายนะ ว่า สหรัฐจะสร้างความผิดพลาดที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศอย่างแน่นอน หากตัดสินใจโจมตีอิหร่านโดยร่วมมือกับอิสราเอล
อดีตผู้นำคิวบาระบุว่า "วอชิงตันคิดผิดที่ว่า ชายหญิงในกองกำลังติดอาวุธของอิหร่าน ซึ่งรู้จักกันในเรื่องของหลักทางศาสนาและธรรมเนียมการสู้รบนั้น จะยอมยกธงขาวโดยมิได้เหนี่ยวไกปืน"
นอกจากนี้ นายคาสโตรยังออกมาปกป้องสิทธิของอิหร่านในโครงการพลังงานนิวเคลียร์ที่มีวัตถุประสงค์ที่สันติ
"อิหร่านไม่มีอาวุธนิวเคลียร์" นายคาสโตรเผย และระบุเพิ่มด้วยว่า แม้อิหร่านถูกกล่าวหาว่าผลิตแร่ยูเรเนียมที่ได้รับการเสริมสมรรถภาพ แต่ยูเรเนียมก็เป็นแหล่งพลังงานที่ใช้ในทางแพทย์เช่นกัน
"ไม่ว่าจะดูเหมือนหรือไม่ แต่การครอบครองของอิหร่านก็ไม่ใช่สิ่งที่เทียบเท่ากับการผลิตอาวุธนิวเคลียร์ ... อิสราเอลครอบครองอาวุธนิวเคลียร์เป็นร้อย ด้วยความช่วยเหลือและความร่วมมือของสหรัฐ" นายคาสโตรกล่าว
อดีตผู้นำคิวบาเผยว่า รัฐบาลอิสราเอล เปิดเผยเจตนารมย์อย่างชัดเจนที่จะโจมตีโรงงานผลิตยูเรเนียมที่ได้รับการเสริมสมรรถนะของอิหร่าน และรัฐบาลสหรัฐได้ลงเงินหลายร้อยล้านดอลลาร์ในการผลิตระเบิดเพื่อวัตถุประสงค์นี้
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นายคาสโตรอ้างอิงการรายงานของสื่อว่า ระเบิดดั้งเดิม ซึ่งมีขนาด 13.6 ตันแบบใหม่ ที่อยู่ในระหว่างการพัฒนาโดยสหรัฐนั้น จะมีอานุภาพทำลายล้างที่ทะลุทะลวงหลุมหลบภัย
"ลองนึกภาพกองกำลังสหรัฐหย่อนระเบิดมหาภัย ที่สามารถทะลุทะลวงกำแพงความหนา 60 เมตรในโรงงานอุตสาหกรรมดู" นายคาสโตรทิ้งท้าย