ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่าหากแม้รายงานความเห็นเรื่องการปรองดองของสถาบันพระปกเกล้าจะผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 4 เม.ย.นี้ แต่เชื่อว่ารัฐบาลจะไม่หยิบเนื้อหาในรายงานดังกล่าวมาดำเนินการต่อ เพราะอาจจะถูกกล่าวหาว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อนได้
พร้อมย้ำว่า ความเห็นของสถาบันพระปกเกล้าคงไม่สามารถจะนำมาออกเป็น พ.ร.ก.นิรโทษกรรมได้ เพราะหากทำเช่นนั้นฝ่ายค้านคงต้องยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ และเห็นว่าเรื่องนี้ไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องออกเป็น พ.ร.ก.
"ถ้าออกเป็น พ.ร.ก.คงเป็นไปไม่ได้ เพราะประชาธิปัตย์จะส่งตีความ ทำได้อย่างเดียวคือออกเป็น พ.ร.บ. แต่เชื่อว่ารัฐบาลจะไม่ทำ อ่านใจนายกฯ นะ เพราะถ้ารัฐบาลทำ เขาจะกล่าวหาว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อน" ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
ส่วนกระแสข่าวที่ระบุว่าสถาบันพระปกเกล้าอาจจะถอนผลการรายงานเรื่องการปรองดองดังกล่าวออกจากการพิจารณาในวาระของสภาฯ ในวันที 4 เม.ย.นั้น ร.ต.อ.เฉลิม มองว่า คงไม่มีประโยชน์ เพราะตอนนี้จะถอนหรือไม่ถอนก็มีค่าเท่ากัน
ร.ต.อ.เฉลิม ยังปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นกรณีที่ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา มองว่าควรจะมีคนกลางเพื่อทำความเข้าใจระหว่างพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ กับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยกล่าวแต่เพียงว่าเรื่องนี้ไม่ควรจะดึงพล.อ.เปรมมาเกี่ยวข้อง เพราะ พล.อ.เปรมไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง
ส่วนปัญหาความปรองดองที่เกิดขึ้น คงเป็นเพียงแค่ความขัดแย้งทางความคิดที่พรรคประชาธิปัตย์ยังคงต้องการอนุรักษ์การปฏิวัติไว้ ส่วนแนวความคิดของ พล.อ.สนธิ ที่เปลี่ยนแปลงไปนั้น ร.ต.อ.เฉลิม มองว่า เมื่อเวลาเปลี่ยน ความคิดคนก็เปลี่ยนไปได้ ซึ่งผลของการปฏิวัติตลอดที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันถือเป็นเรื่องที่ต้องจดจำ