เอแบคโพลล์ เผยผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(SMEs) ชี้นโยบายปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท/วัน และเงินเดือนผู้จบปริญญาตรี 15,000 บาท/เดือนส่งผลกระทบอย่างมาก ขณะที่มาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐยังไม่มีความชัดเจน และเป็นนโยบายที่มุ่งหาเสียงมากเกินไป
"ธุรกิจ SMEs ส่วนมากหรือร้อยละ 86.7 ระบุได้รับผลกระทบมากจากการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ" เอแบคโพลล์ เผย
นอกจากนี้ SMES จำนวนมากหรือร้อยละ 85.5 ระบุรัฐบาลยังไม่มีความชัดเจนในมาตรการช่วยเหลือของรัฐบาลต่อสถานประกอบการขนาดเล็กหรือธุรกิจ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ อีกทั้งผู้ประกอบการส่วนใหญ่หรือร้อยละ 78.0 คิดว่านโยบายนี้เป็นนโยบายประชานิยมที่มุ่งหาเสียงหรือคะแนนนิยมมากจนเกินไป
และจากการการสัมภาษณ์เจาะลึกพบว่า กลุ่ม SMEs จำนวนมากมีความเคลือบแคลงสงสัยในนโยบายดังกล่าวของรัฐบาลว่า กำลังเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มนายทุนบริษัทขนาดใหญ่ แต่ละเลยกลุ่มธุรกิจขนาดเล็กที่ไม่สามารถอยู่รอดได้
ส่วนผลกระทบที่ได้รับจากนโยบายดังกล่าวนั้น ประชาชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 90.5 ระบุราคาสินค้าและบริการได้เพิ่มสูงขึ้นไปก่อนหน้านี้แล้ว รองลงมาร้อยละ 65.6 ระบุต้นทุนนายจ้างเพิ่มสูงขึ้น ร้อยละ 60.8 ระบุคนงานถูกเลิกจ้าง ร้อยละ 59.9 ระบุปรับปรุงคุณภาพการทำงาน ร้อยละ 55.8 ระบุบริษัทและโรงงานขนาดเล็กจะปิดตัวลง และร้อยละ 1.5 ระบุต้องทำงานให้ได้มากขึ้น ตามลำดับ
โดยแนวทางที่ประชาชนอยากให้รัฐบาลช่วยเหลือมากที่สุด หรือร้อยละ 47.5 ระบุการควบคุมราคาสินค้าและบริการ รองลงมาร้อยละ 16.3 ระบุการประกันสุขภาพ ร้อยละ 9.8 ระบุอยากให้ช่วยเหลือในเรื่องที่ทำกิน ส่งเสริมการประกอบอาชีพและธุรกิจ
ทั้งนี้ เอแบคโพล ได้สำรวจความเห็นจากกรณีศึกษาตัวอย่างผู้ประกอบการ SMEs ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และประชาชนใน 7 จังหวัดนำร่อง ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร นครปฐม และภูเก็ต จำนวน 715 บริษัท และประชาชนทั่วไปจำนวน 1,249 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 25 มี.ค.- 4 เม.ย.ที่ผ่านมา