นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์ เกี่ยวกับการออกพ.ร.บ.นิรโทษกรรมโดยอ้างความปรองดองของรัฐบาลว่า พรรคคัดค้านการนิรโทษกรรมคนโกงและรัฐบาลจะอ้างสภาหรือสถาบันพระปกเกล้าไม่ได้ เนื่องจากทางสถาบันฯบอกชัดเจนว่าขั้นตอนที่จะต้องทำต่อไปคือ การเปิดกว้างให้ทุกฝ่ายแสดงความเห็นเพื่อให้ตกผลึกในการหาทางออกร่วมกัน และถ้าไม่มีเจตนาที่จะทำเพื่อช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ ตนก็อภิปรายในสภาแล้วว่าให้นิรโทษกรรมทุกคนยกเว้นสามคน สองต่อหนึ่งอย่างที่ว่า คือ ตนกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี พร้อมที่จะไปต่อสู้คดีในศาล ส่วน พ.ต.ท.ทักษิณ ศาลตัดสินแล้วก็ยอมรับผิดไป เท่ากับคนอื่นได้หมดและบ้านเมืองสงบก็ดี แต่ถ้าเสนออย่างนี้แล้วรัฐบาลก็ยังไม่เอาอีก บอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องได้ก็ไม่ใช่เรื่องปรองดองแต่เป็นการแก้ปัญหาส่วนตัวเพื่อให้หลุดจากคดีทุจริต
หัวหน้าพรรคปชป. กล่าวเตือนนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลเรื่องนี้ว่า อย่าสร้างความสับสน หลอกประชาชน ต้องไปดูว่าสถาบันพระปกเกล้ายืนยันอย่างไร แม้กระทั่งรายงานของกรรมาธิการฯต้องมีการปรับแก้อย่างไร เพราะฉะนั้นถ้าจะเอาตามใจชอบหยิบกฎหมายในกระเป๋าขึ้นมาก็ต้องบอกตรงๆ ว่าเป็นเรื่องของพรรคเพีอไทย ซึ่งนายยงยุทธ ต้องรับผิดชอบ เนื่องจากในตอนที่มีการหาเสียงนายยงยุทธ พูดกับประชาชนทั้งประเทศผ่านโทรทัศน์ถ่ายทอดสดว่าไม่มีนโยบายนิรโทษกรรม และการเอาเงิน 4.6 หมื่นล้านไปคืนให้ พ.ต.ท.ทักษิณ
ทั้งนี้ ทางสถาบันพระปกเกล้าก็ต้องยืนยันจุดยืนของตัวเองเพราะมีการออกแถลงการณ์ไปแล้ว ต้องเดินหน้าตามแถลงการณ์นั้นเพราะสภาสถาบันฯได้ฟังแถลงการณ์คำต่อคำก่อนที่จะมีการเผยแพร่ต่อสาธารณะ หากไม่ดำเนินการอะไรเลยก็จะกระทบต่อความเชื่อถืออย่างรุนแรงต่อตัวสถาบัน ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่แค่การถอนงานวิจัยหรือไม่ แต่เป็นเรื่องที่ทางสถาบันต้องการจะบอกว่าถ้าไม่เอาข้อเสนอที่ได้จากผู้ทรงคุณวุฒิไปทำกระบวนการรับฟังความเห็นทั่วประเทศใช้เวลาอย่างน้อยถึงสิ้นปี ก็ไม่ใช่แนวทางปรองดองแต่จะทำให้เกิดความขัดแย้ง ซึ่งสถาบันฯไม่เสนอเพื่อให้เกิดความขัดแย้งแต่เสนอเพื่อให้เกิดความปรองดอง และตนไม่คิดว่าจะมีการจัดทำกระบวนการรับฟังความเห็นบังหน้าแล้วเดินหน้าตามเป้าหมายของตัวเอง เพราะทุกฝ่ายจับตาดูอยู่ ถ้ารัฐบาลทำก็ชัดว่าทำตามความต้องการของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นหลักซึ่งไม่ใช่การปรองดอง แต่ถ้าอยากปรองดองจริงต้องไปฟังคนเสื้อแดง ครอบครัวเจ้าหน้าที่ที่สูญเสีย ฟังประชาชนทั่วไปที่ต้องการเห็นบ้านเมืองปกครองด้วยกฎหมาย
ส่วนที่มีข่าวว่าพรรคเพื่อไทยเตรียมที่จะทอดเวลาออกไปก่อนที่จะผลักดัน พรบ.นิรโทษในเดือนกันยายนนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่ทราบว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรอีกหรือไม่ แต่คงไม่ใช่เรื่องการทอดเวลาเพราะเป็นเรื่องของการทำกระบวนการจนสังคมตกผลึก แต่ถ้าไม่ทำสิ่งเหล่านี้อย่าว่า แต่เป็นเดือนกันยายนเลยจะเป็นปีหน้าหรือปีไหนก็ไม่ควรที่จะทำ และกระบวนการรับฟังความเห็นต้องมีความถูกต้อง ชอบธรรม มีข้อเสนอที่สังคมยอมรับได้ ไม่มีความรุนแรง ไม่มีความขัดแย้งเกิดขึ้น นี่จึงเรียกว่าปรองดอง