ประธานรัฐสภา คาดการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในเดือน เม.ย.นี้ ซึ่งเป็นการดำเนินการไปตามปกติ ไม่ได้เร่งรีบตามข้อกล่าวหาของฝ่ายค้าน แต่เนื่องจากจะมีสมาชิกรัฐสภาเป็นจำนวนมากติดภารกิจต้องเดินทางไปดูงานต่างประเทศ
"ไม่ได้เร่งรีบ แต่ยึดตามหลักการ ไม่มีความผิดปกติ และที่จะมีการลงมติรับหลักการในวาระ 3 ช่วงปลายเดือนเมษายน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสมาชิกรัฐสภาจะเดินทางไปต่างประเทศจำนวนมาก" นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา กล่าว
โดยวันนี้จะมีการประชุมร่วมกันของรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม วาระ 2 ที่กรรมาธอการฯ พิจารณาเสร็จแล้ว ซึ่งเบื้องต้นจะใช้เวลา 2 วัน คือ วันที่ 10-11 เม.ย. ซึ่งจะใช้อภิปรายไปจนถึงเวลา 24.00 น.แต่หากไม่เพียงพอก็สามารถพิจารณาเพิ่มได้
"เวลา 2 วันน่าจะเพียงพอสำหรับการแปรญัตติของสมาชิก เชื่อว่าการประชุมจะไม่มีปัญหาเนื่องจะต้องปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ ซึ่งผมจะยึดตามข้อบังคับในการควบคุมการประชุมตามสถานการณ์" นายสมศักดิ์ กล่าว
ด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคฝ่ายค้าน(วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า การบรรจุวาระพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภาวันนี้เป็นไปอย่างเร่งรีบ เร่งรัด ทั้งที่เอกสารประกอบการประชุมยังไม่เรียบร้อย จึงตั้งข้อสังเกตว่าเป็นไปตามใบสั่ง ทั้งเงื่อนไข ระยะเวลา และเนื้อหา โดยจะอาศัยเสียงข้างมากลงมติให้ผ่านความเห็นชอบ เช่นเดียวกับนิรโทษกรรมที่คงจะเร่งนำเข้ามาพิจารณา ทั้งนี้เวลา 2 วันคงไม่เพียงพอ
"ประธานรัฐสภาควรเปิดโอกาสให้สมาชิกที่ขอสงวนคำแปรญัตติ 172 คนแสดงความเห็นจนครบ ไม่ควรรวบรัดปิดการอภิปราย ทั้งนี้ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์มีผู้สงวนคำแปรญัตติ 118 คน" นายจุรินทร์ กล่าว
ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า ส่วนตัวเชื่อว่าที่มาของสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ(ส.ส.ร.) ที่มาจากการเลือกตั้ง โดยนำกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่นมาใช้ มีแนวโน้มล้อตามเสียงของการเลือกตั้ง เพราะนักการเมืองสามารถลงสมัครเลือกตั้งได้ หรือจะส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคอาจลงได้ และเชื่อว่า การร่างรัฐธรรมนูญน่าจะถูกแทรกแซง ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง เพื่อให้เป็นไปตามใบสั่ง
นอกจากนี้ ประธานวิปฝ่ายค้าน ยังเรียกร้องให้สถาบันพระปกเกล้าแสดงจุดยืนเรื่องรายงานแนวทางสร้างความปรองดอง เพราะในที่สุดแล้วเชื่อว่ารัฐบาลจะมีการใช้เสียงข้างมากในการลงมติให้ผ่านความเห็นชอบ