มีรายงานบรรยากาศการปราศรัยของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เมืองเสียมเรียบ ประเทศกัมพูชา เมื่อวานนี้ ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณเดินทางมาพร้อมนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายและปราศรัยนานประมาณ 30 นาที โดยช่วงหนึ่งระบุว่า ตลอด 6 ปีที่ผ่านมาคิดเสมอว่าทำอะไรให้พี่น้องมีความสุข ถึงเวลาที่เราต้องเข้าสู่การปรองดอง หันหน้าเข้าหากัน
"ตราบใดที่ตนมีชีวิตอยู่จะไม่เลิกคิดเลิกใช้สมองฟื้นความสุขประเทศให้ประชาชนคนไทยมีความสุขที่สุด เพราะตนเป็นคนยึดถือบุญคุณดังนั้นสิ่งที่พี่น้องที่ให้ต้องทดแทนและจำได้หมดว่ามีใครบ้างเพียงแต่รอเวลาที่ต้องทำให้ได้ พี่น้องมาวันนี้เสียสละมาก บางคนร้องไห้บอกกลับบ้านเราเถอะ ฟังแล้วตื้นตันใจ คงไม่นานเกินรอ ถ้าคนไทยที่รักประเทศทั้งหลายเห็นว่าถึงเวลาต้องปรองดอง ตนจะกลับไปอยู่กับพี่น้องต่อไป และเชื่อว่าไม่นานเกินรอ เพราะวันนี้ปรากฏชัดเจนแล้วว่าเรื่องที่กล่าวหาทั้งหลายเป็นการทำขึ้นมา"พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวในช่วงหนึ่งของการปราศรัย
พ.ต.ท.ทักษิณ ยังกล่าวอีกว่า "ผมมั่นใจว่าปีนี้จะเป็นปีที่ดีของคนไทย เป็นวาระสำคัญ วันที่ 28 ก.ค.นี้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร จะเจริญพระชนมายุ ครบ 60 พรรษา ถือเป็นรอบสำคัญ สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนารถ จะมีพระชนมายุครบ 80 พรรษาเช่นกัน ฉะนั้นมีอะไรหลายอย่างที่บอกเหตุว่าผมจะได้กลับไปอยู่กับพี่น้อง"
นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณยังได้ร้องเพลง เช่น เล่าสู่กันฟัง ของเบิร์ด ธงไชย โดยมีการแปลงเนื้อหาในบางท่อน จากนั้นได้ร่วมร้องเพลงกับแกนนำคนเสื้อแดงอีกหลายเพลงและส่วนใหญ่เป็นเพลงโปรด นานกว่าชั่วโมง อาทิ 30 ยังแจ๋ว หนุ่มนาข้าวสาวนาเกลือ เพลงวันสงกรานต์ร่วมรำวงเป็นที่สนุกสนาน เพลงมายเวย์ ของแฟรงค์ซิเนตรา ก้อนหินก้อนนั้น และยังขับกล่อมเพลง “Let it be “ พร้อมแปลความหมายของเชื่อเพลงด้วยประโยคสั้นๆรวมไปถึงตอกย้ำท่อนฮุก ว่า “ช่างมัน ช่าง มัน"