นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ และการเดินทางเข้าร่วมการประชุมผู้นำลุ่มแม่น้ำโขงกับญี่ปุ่น ครั้งที่ 4 ณ กรุงโตเกียว ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะ ประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง เนื่องจากภาคธุรกิจจีนและญี่ปุ่นมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างไทยและอาเซียน รวมถึงกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขง การเดินทางครั้งนี้สามารถเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่มีอยู่ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นในหลายด้าน อาทิ ความร่วมมือด้านรถไฟ พลังงาน การสื่อสาร การเกษตร รวมถึงการลาดตระเวนร่วมในแม่น้ำโขง โดยเฉพาะไทยกับจีนตั้งเป้าผลักดันมูลค่าการค้าการลงทุนให้ทะลุแสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 3.1 ล้านล้านบาท ภายในปี 2558 เพิ่มขึ้นจากมูลค่าการค้าระหว่างกันในปี 2554 ที่ 65,000 ล้านดอลลาร์
ส่วนกรณีภาคเอกชนเตรียมยื่นข้อเสนอเพื่อลดผลกระทบปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท/วัน และขอเลื่อนการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำใน 70 จังหวัดที่เหลือออกไปเป็นปี 58 พร้อมเสนอตั้งกองทุน 1-2 หมื่นล้านบาท ปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำให้เอสเอ็มอีนั้น นายอนุสรณ์ กล่าวว่า รัฐบาลยินดีรับฟังและพิจารณาข้อเสนอดังกล่าว เนื่องจากภาคอุตสาหกรรมมีส่วนผลักดันให้เศรษฐกิจของประเทศเดินไปข้างหน้าได้ แต่การที่รัฐบาลมีนโยบายปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาท/วันนั้นเพื่อเพิ่มศักยภาพของภาคแรงงานของประเทศไทยให้แข่งขันกับต่างประเทศได้ อีกทั้งเป็นการช่วยเหลือผู้ใช้แรงงานได้มากขึ้น
ทั้งนี้ รัฐบาลมีโครงการสนับสนุนเพื่อเพิ่มทักษะฝีมือแรงงานให้มากขึ้น รวมทั้งขณะนี้รัฐบาลกำลังศึกษาแนวทางที่แน่นอนมารองรับในเรื่องนี้