นายสรรเสริญ สมะลาภา ส.ส.กรุงเทพ พรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงปัญหาสินค้าราคาแพง กล่าวว่า ตนได้ลงพื้นที่เก็บข้อมูลสินค้าชนิดต่างๆในตลาดยิ่งเจริญ ซึ่งเป็นตลาดค้าปลีก และ ตลาดไท ซึ่งเป็นตลาดค้าส่ง มาเปรียบเทียบราคาระหว่างปี 2554 และ 2555 ในช่วงเวลาเดียวกัน เพื่อตรวจสอบตัวเลขเงินเฟ้อ และราคาสินค้าของรัฐบาล ซึ่งพบว่าตัวเลขของกระทรวงพาณิชย์ได้ประกาศต่อสาธารณะ รวมถึงนายกรัฐมนตรีระบุว่า ราคาสินค้ามีแนวโน้มลดลง เช่นเดียวกับ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ ขณะที่ นายโอฬาร ไชยประวัติ ที่ปรึกษา ที่ออกมากล่าวว่า รัฐบาลต้องหามาตรการควบคุมราคาสินค้า แสดงให้เห็นว่า ข้อมูลของรัฐบาลไปคนละทิศคนละทาง จนจับประเด็นไม่ได้
แต่จากการตรวจสอบราคาสินค้าของพรรค พบว่าดัชนีราคาสินค้าในภาพรวมสูงกว่ารัฐบาลอภิสิทธิ์ โดยที่ตลาดยิ่งเจริญเพิ่มขึ้นถึง 20.5% คิดเป็นสองเท่าจากที่รัฐบาลแถลงเพิ่มเพียง 10% เช่นเดียวกับตลาดไท ที่เพิ่มขึ้นอีก 10.2% จึงเห็นได้ว่าปัญหาสินค้าแพงเป็นเรื่องจริง ที่ตนและประชาชนไม่ได้คิดไปเอง ตามที่นายกรัฐมนตรีบอกว่าเป็นความรู้สึกคิดไปเอง
ที่น่าสนใจคือ ส่วนต่างระหว่างราคาขายและราคาขายปลีก ที่ต่างกันมากถึง 10% แสดงว่าค่าขนส่งเพิ่มขึ้นมาเป็นต้นทุน ดังนั้นการที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ท้วงเรื่องตัวเลขเงินเฟ้อ 2.47 เท่า แต่เมื่อมีการตรวจสอบราคากลับพบว่า ราคาสูงกว่าที่กระทรวงพาณิชย์แจ้งเป็นเท่าตัว เช่น ถั่วฝักยาว พาณิชย์แจ้งว่า 30 บาท แต่ราคาในตลาด 60 บาท ซึ่งปลัดกระทรวงพาณิชย์ แก้ตัวว่าเป็นการเฉลี่ยราคาทั้งเดือน ตนอยากให้ยอมรับความจริง เพราะสุดท้ายฝืนความจริงไม่ได้ นายอภิสิทธิ์ จึงท้วงว่าเงินเฟ้อต้องสอดคล้องกับข้อเท็จจริงไม่เช่นนั้นกระทบความน่าเชื่อถือ และการกำหนดนโยบายเศรษฐกิจด้วย
นายสรรเสริญ กล่าวว่า รัฐบาลต้องยอมรับความจริง เพื่อสู้กับปัญหากำหนดมาตรการค่าครองชีพชึ้นมา เพราะที่ผ่านมารัฐบาลเอาแต่โทษคนอื่น โดยเฉพาะช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา ราคาสินค้าแพงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด รัฐบาลไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน นอกจากโทษน้ำท่วม โทษภัยแล้ง มีแต่ปลอบประโลมประชาชนว่าจะดีขึ้น
"พรรคประชาธิปัตย์ เสนอให้รัฐบาลทบทวนนโยบายพลังงาน ที่เป็นต้นทุนสินค้า และค่าขนส่ง ราคาสินค้า ค้าส่งเพิ่มขึ้น 10% ค้าปลีกเพิ่ม 20.5% การชดเชยธุรกิจ ผู้ประกอบการ จ้างค่าแรง 300 บาท ต้องทำให้ตรงจุดแต่รัฐบาลกลับชดเชยน้อยมาก"นายสรรเสริญกล่าว