รายงานข่าวจากรัฐสภา เปิดเผยว่า การประชุมคณะรัฐมนตรีประจำสัปดาห์นี้ย้ายมาใช้สถานที่รัฐสภา เนื่องจากยังมีการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 2 ต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน โดยวาระสำคัญที่คาดว่าจะมีการหารือในที่ประชุมครม.วันนี้ในเรื่องปัญหาราคาสินค้าแพง เพื่อติดตามผลหลังจากนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ทั้ง 11 รัฐมนตรีสำรวจตลาดสดในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าสินค้าราคาแพงขึ้นจริงหรือไม่ หรือเป็นแค่ความรู้สึกของประชาชน
นอกจากนี้ คาดว่ากระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมีการรายงานสรุปสถานการณ์ตลอดจนผลกระทบและแนวทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจากเหตุเพลิงไหม้ในโรงงานบีเอสที อิลาสโตเมอร์ส จำกัด(BST) ของบริษัทกรุงเทพ ซินธิติกส์ จำกัด ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง และถัดมาอีก 1 วันด้วยกรณีก๊าซคลอรีนรั่วไหลจากโรงงานของบริษัท อดิตยา เบอร์ล่า เคมีคัลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมเหมราชตะวันออก จ.ระยอง
กระทรวงคมนาคม จะเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นชอบร่างข้อบังคับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) ว่าด้วยการกำหนดอัตราค่าโดยสาร วิธีการจัดเก็บค่าโดยสาร และการกำหนดประเภทบุคคลที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องชำระค่าโดยสาร ให้เริ่มต้นที่อัตรา 16-40 บาท จากเดิม 14-36 บาท โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 3 ก.ค.55-2 ก.ค.57
นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรีอาจมีการพิจารณางบเหมาจ่ายรายหัวในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า(บัตรทอง) หลังจากที่กระทรวงสาธารณสุข ได้เสนอนำเสนอที่ประชุมครม.ไปเมื่อวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา
ส่วนวาระอื่นๆ ที่น่าสนใจ เช่น การกู้เงินประจำปีงบประมาณ 2555 ของการเคหะแห่งชาติ(กคช.), การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ประเทศลาวเพื่อใช้ปรับปรุงสนามบินปากเซ ระยะที่ 2, การเปิดตลาดสินค้าเส้นไหมดิบ ปี 2555 ตามข้อผูกพันภายใต้องค์การการค้าโลก(WTO)