นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย เตรียมนำเอกสารหลักฐานสัญญากรณีขยายอายุสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าให้กับ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) เป็นเวลา 30 ปี ไปยื่นต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เพื่อเอาผิดต่อผู้ว่าฯ กทม. และคณะผู้บริหารทั้งชุดในเวลาประมาณ 10.00 น.วันพรุ่งนี้
เนื่องจากพรรคเห็นว่าการต่อสัญญาดังกล่าวน่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย เข้าข่ายผิด พ.ร.บ.ร่วมทุน พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ (พ.ร.บ.ฮั้ว) เอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทเอกชนรายเดียว เพราะดูสัญญาหลักที่ทำไว้ การต่อสัญญาจะต้องได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่ทาง กทม. ดำเนินการต่อสัญญาด้วยตัวเอง
"การหยิบยกเหตุผลมาอ้างของ กทม.ว่าต้องรีบต่อสัญญา เพราะถ้าปล่อยให้หมดอายุ แล้วต่อสัญญาราคาจะสูงกว่าเดิมนั้น อยากถามว่ารู้ได้อย่างไร" นายพร้องพงศ์ กล่าว
ด้านนายยุทธพงศ์ จรัสเถียร รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า โครงการขยายเวลาการเดินรถไฟฟ้าบีทีเอสไปอีก 30 ปี มีพิรุธ และเข้าข่ายผิดมาตรา 4 ของ พ.ร.บ.ฮั้ว ถ้า กทม.ยังเดินหน้าเรื่องนี้ต่อไป ก็จะนำเรื่องความไม่ชอบมาพากลมาเปิดเผยต่อเนื่องไปเรื่อยๆ เพราะยังมีหลักฐานอีกเยอะ เพื่อฟ้องประชาชน
การให้ BTS รับช่วงการเดินรถบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด ไปอีก 30 ปี จะเห็นได้ว่า BTS มีส่วนแบ่งรายได้ 190,000 ล้านบาท ขณะที่กรุงเทพมหานครได้เพียง 110,000 ล้านบาท ทั้งๆ ที่กรุงเทพมหานครลงทุนส่วนต่อขยาย 3 ช่วง โดย BTS ไม่ได้ออกเงินแต่อย่างใด แต่กลับมีส่วนแบ่งมากกว่า กทม.ถึง 80,000 ล้านบาท เป็นสิ่งที่น่าเคลือบแคลง ขณะที่ กทม.ต้องออกข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร ถึง 6 ฉบับ เพื่อให้สามารถทำงานนี้ได้สำเร็จ