นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ประเมินผลงานของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ช่วงเวลา 9 เดือน ยังไม่สามารถดำเนินการนโยบายด้านเศรษฐกิจให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งตรงกันข้ามกับข้อมูลของหน่วยงานด้านเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ
"น่าแปลกใจที่ช่วงนี้ข้อมูลของท่านผู้นำฝ่ายค้านแตกต่างจากการประเมินของกูรูเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ" นายอนุสรณ์ กล่าว
นายอนุสรณ์ กล่าวว่า ล่าสุดธนาคารแห่งประเทศไทยปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยปีนี้ใหม่ คาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 6 จากเดิมที่คาดว่าจะโตแค่ร้อยละ 5.7 เหตุเพราะเศรษฐกิจฟื้นตัวเร็วกว่าที่คาด ขณะที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF) ประเมินปีหน้าเศรษฐกิจไทยโตร้อยละ 7 รวมถึงประธานกรรมการธนาคารกรุงเทพจำกัด(มหาชน) ที่ออกมาชมรัฐบาลว่า บริหารงานได้ดี แม้ค่าครองชีพจะปรับตัวสูงขึ้น แต่รายได้ของประชาชนก็เพิ่มขึ้นด้วย และยังเห็นการขยายตัวเศรษฐกิจได้ต่อเนื่องไปถึง2-3 ปี จากรายได้ภาคประชาชนที่เพิ่มขึ้นช่วยให้การบริโภคเพิ่มขึ้น
"วันนี้พรรคฝ่ายค้านต้องไปทำความเข้าใจกันเองก่อนว่าจะเดินหน้าทางไหนแน่ จะเอาถูกหรือแพงเข้าไล่รัฐบาล เพราะวาทกรรมแพงทั้งแผ่นดิน มันหมายถึงแพงหมด แพงทั่วทุกหัวระแหง ซึ่งจริงๆ มันไม่ใช่ ก็วันก่อน ส.ส.ในพรรคท่านก็มาร้อง ราคากุ้งขาวเกิดวิกฤติตกต่ำและมีแนวโน้มจะต่ำลงไปเรื่อยๆ เดิมกิโลกรัมละ 165 บาท ปัจจุบันเหลือ 105 บาท เลยร้องรัฐตั้งโครงการรับจำนำกุ้ง ก็เท่ากับ สารภาพเลยว่า จริงๆ สินค้ามีถูกมีแพงเป็นเรื่องธรรมชาติ" นายอนุสรณ์ กล่าว
นายอนุสรณ์ กล่าวว่า รัฐต้องแก้ไขปัญหาทั้งสองทางเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและทุกฝ่ายอยู่ได้ ซึ่งในส่วนของมาตรการลดภาระค่าครองชีพประชาชนนั้น กระทรวงพาณิชย์จะมีการหารือกับผู้ประกอบการอีกครั้ง โดยจะขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบการตรึงราคาสินค้าออกไปอีกอย่างน้อย 4 เดือนเพื่อช่วยผู้บริโภค รวมถึงที่ประชุมคณะกรรมการว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ(กกร.) ได้มีมติให้นำสินค้าอาหารสำเร็จรูปเป็นสินค้าควบคุม ซึ่งจะทำให้สินค้าควบคุมที่ใช้มาตรการทางกฎหมายดำเนินการได้ทันที