นายกล้านรงค์ จันทิก โฆษกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) แถลงว่า ที่ประชุมป.ป.ช.มีมติเป็นเอกฉันท์ว่านายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม มีพฤติกรรมที่ร่ำรวยผิดปกติ โดยให้ยึดเงินสดจำนวน 17.55 ล้านบาท และทองคำอีก 10 บาทซึ่งถือว่าไม่มีที่มาที่ไปให้ตกเป็นของแผ่นดิน โดย ป.ป.ช.เตรียมจะส่งเรื่องต่อให้อัยการสูงสุดเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป
โดยในข้อหาร่ำรวยผิดปกตินั้น ป.ป.ช.ได้มีความเห็นใน 3 กรณี ประกอบด้วย 1. จากการตรวจสอบเงินจำนวน 2 ล้านบาทตามที่นายสุพจน์ อ้างเป็นเงินสินสอดรับไว้ในงานแต่งงานลูกสาวนั้น ป.ป.ช.พบว่าสภาพธนบัตรของกลางในคดีนี้ผ่านการใช้งานแล้ว ซึ่งไม่ได้มีลักษณะเป็นธนบัตรใหม่และไม่มีปลอกคาดของโรงพิมพ์ธนบัตรธนาคารแห่งประเทศไทยดังปรากฏในภาพถ่ายเงินสินสอดแต่ประการใด
2. เงินจำนวน 2.5 ล้านบาท นายสุพจน์ ชี้แจงว่าเป็นเงินที่นายทศพร ปราบใหญ่ บิดาของนายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ มอบให้เป็นทุนในการเริ่มต้นชีวิตครอบครัวใหม่ ปรากฏว่ามีเพียงนายทศพร เท่านั้นที่ยืนยันว่ามอบให้นายสืบพงษ์จริงในที่ลับตา โดยไม่มีพยานบุคคลอื่นรู้เห็น เป็นการมอบให้ในงานแต่งงานอย่างฉุกละหุก ดังนั้น ป.ป.ช.มีความเห็นว่าผิดปกติวิสัยของการมอบเงิน จึงเท่ากับไม่มีการมอบเงินจำนวนดังกล่าวจริง
3. ส่วนเงินที่เหลือที่เหลือจำนวน 13,053,000 บาท และทองรูปพรรณน้ำหนัก 10 บาท ที่คนร้ายนำเงินที่ได้จากการปล้นทรัพย์ไปซื้อนั้น รับฟังได้ว่าเป็นเงินของนายสุพจน์ ที่คนร้ายปล้นมาจากบ้านในวันเกิดเหตุ ซึ่งนายสุพจน์ ไม่เคยแจ้งไว้ในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินที่ยื่นต่อคณะกรรมการป.ป.ช. และนายสุพจน์ไม่สามารถชี้แจงที่มาของเงินจำนวนดังกล่าวได้
"สำหรับเงินรับไหว้ที่ญาติผู้ใหญ่มอบให้จำนวน 568,000 บาท พิจารณาแล้วเห็นว่ามีการมอบให้จริง ซึ่งนายสุพจน์ สามารถมีหลักฐานมาหักล้างและชี้แจงต่อป.ป.ช.ได้ ทำให้ป.ป.ช.มีคำร้องให้อัยการสูงสุดดำเนินคดีให้ทรัพย์สินของนายสุพจน์ตกเป็นของแผ่นดินจำนวน 17,553,000 บาท พร้อมกับทองคำรูปพรรณน้ำหนัก 10 บาท จากเดิมที่ป.ป.ช.มีคำสั่งอายัดเอาไว้ 18,121,000 บาท" นายกล้านรงค์ กล่าว
โฆษกป.ป.ช. กล่าวว่า สำหรับรายการทรัพย์สินอื่นๆ ของนายสุพจน์ เช่น เงินฝากบัญชีธนาคาร, ที่ดิน, อาคารและสิ่งปลูกสร้าง, รถยนต์ และทรัพย์สินอื่นๆ คณะกรรมการป.ป.ช.ให้เลื่อนการพิจารณาไปในการประชุมวันที่ 29 พ.ค.ต่อไป