นายอภินันทน์ อิศรางกูร ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เปิดเผยถึงผลการดำเนินการของ ป.ป.ช.ภายหลัง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2554 มีผลบังคับใช้เกือบ 1 ปีว่า ป.ป.ช.สามารถลดจำนวนคดีในความรับผิดชอบด้วยการส่งเรื่องไปให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ(ป.ป.ท.) จำนวน 1,722 คดี และส่งให้พนักงานสอบสวนไปอีกจำนวนหนึ่ง
นอกจากนี้ ป.ป.ช.ยังให้เพิกถอนสิทธิที่ดิน 40 คดี ได้เนื้อที่ 9,577 ไร่ รวมมูลค่าความเสียหาย 287.8 ล้านบาท, การออกระเบียบ ประกาศ หลักเกณฑ์ และวิธีการที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย ป.ป.ช.ฉบับใหม่ไปแล้ว 17 ฉบับ, การกำหนดมาตรการเข้าถึงข้อมูล คุ้มครองพยานและกันคนไว้เป็นพยาน โดยมีการใช้มาตรการเข้าถึงข้อมูลบางส่วน คุ้มครองพยานไปแล้ว 2 ราย และกันคนไว้เป็นพยาน 1 ราย
การออกประกาศให้ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ทำให้เหลือบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบน้อยลงกว่าเดิม เพียงแค่ 35,757 บัญชี, การทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปบางส่วน, การกำหนดมาตรการป้องกันการทุจริต เช่น การเปิดเผยราคากลางและคิดราคากลางไว้บนเว็บไซต์ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอคณะรัฐมนตรีพิจารณาว่าจะดำเนินการตามมาตรการของ ป.ป.ช.หรือไม่ และการกำหนดตำแหน่งเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่ห้ามมิให้ดำเนินกิจการที่อาจเข้าข่ายผลประโยชน์ทับซ้อน ตามกฎหมาย ป.ป.ช.มาตรา 100 โดยให้รวมถึงผู้บริหาร อปท.ด้วย
ทั้งนี้ สำหรับคดีที่อยู่ในความรับผิดชอบของ ป.ป.ช. ประกอบด้วย คดีทำลายสิ่งแวดล้อม 136 คดี, คดีทุจริตบริหารสาธารณะ 672 คดี, คดีทุจริตก่อสร้างสถานที่ราชการ 162 คดี, คดีฮั้วประมูล 492 คดี, คดีละเว้นปฏิบัติหน้าที่ 5,526 คดี, คดีร่ำรวยผิดปกติ 28 คดี และคดีอื่นๆ อาทิ ถอดถอน อีก 105 คดี
ส่วนการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน เหลือค้างจากปี 2554 จำนวน 1,704 บัญชี ยื่นใหม่ในปี 2555 จำนวน 2,082 บัญชี ตรวจสอบเสร็จสิ้นแล้ว 35,334 บัญชี และอยู่ระหว่างตรวจสอบ 35,757 บัญชี