น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สรุปผลการเยือนเครือรัฐออสเตรเลียว่า มีความพอใจกับผลสำเร็จในการเดินทางเยือนออสเตรเลียอย่างเป็นทางการในครั้งนี้ โดยมีบางประเด็นที่ยังเป็นข้อจำกัด เช่น การส่งออกสินค้าอาหารสดแช่แข็งและแรงงาน
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมถือว่าประสบความสำเร็จ ทั้งการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีด้านพลังงานและการสร้างมูลค่าเพิ่มภาคการเกษตร ไทย-ออสเตรเลีย ได้มีการลงนามบันทึกความเข้าใจ 2 ฉบับ คือ บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการศึกษาและการฝึกอบรมระหว่างไทยและออสเตรเลีย และ บันทึกความเข้าใจโครงการแลกเปลี่ยนสมาชิกรัฐสภาไทย-ออสเตรเลีย
สำหรับการหารือระดับทวิภาคีไทย ได้ขอความร่วมมือจากออสเตรเลียในเรื่องการค้าการลงทุน หลังจากได้มีการเปิดเขตการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลียมา 8 ปี พบว่า มูลค่าการค้าการลงทุนของไทย โดยเฉพาะการส่งออกดีขึ้นต่อเนื่อง จึงจะมีการเพิ่มมูลค้าการลงทุนและการส่งออกไปยังออสเตรเลียในอนาคต โดยจะมีการนำเรื่องนี้เข้าหารืออีกครั้งในประชุมคณะกรรมาธิการร่วมความตกลงเขตการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย(TAFTA)ในเดือนมิถุนายนนี้ รวมทั้งจะนำเรื่องที่มีการสอบถามจากนักธุรกิจต่างๆทั้งไทยและออสเตรเลียเกี่ยวกับปัญหาอุปสรรคการส่งออกอาหารสดแช่แข็ง เช่น ไก่ กุ้ง
ขณะที่การเจรจาการขอผ่อนปรนคุณสมบัติด้านภาษาของแรงงานไทย ที่ออสเตรเลียกำหนดเกณฑ์การรับเข้าทำงานโดยต้องมีระดับการสอบภาษาอังกฤษที่ค่อนข้างสูง จึงมีผลต่อแรงงานพ่อครัว แม่ครัว ช่างเทคนิคภาคอุตสาหกรรม ที่ไม่มีความชำนาญด้านภาษา เพื่อเปิดโอกาสให้แรงงานไทยสามารถเข้ามาประกอบอาชีพในออสเตรเลียได้มากขึ้น โดยจะมีการหารือข้อผ่อนปรนและกำหนดอาชีพที่จะผ่อนปรนคุณสมบัติด้านภาษาในการประชุมคณะกรรมาธิการทาฟต้าด้วยเช่นกัน
ส่วนการเดินหน้าโครงการครัวไทยสู่ครัวโลก ในการใช้ "ซิดนีย์โมเดล" เป็นต้นแบบขยายไปยังประเทศอื่นๆต่อไป มองว่า ประเทศที่มีความคล้ายคลึงและมีคนไทยอาศัยอยู่มาก คือ สหรัฐอเมริกาและนิวซีแลนด์ ที่มีคนไทยเข้าไปทำงาน เรียน และมีร้านอาหารไทยเปิดกิจการจำนวนมาก นับว่าโครงการส่งเสริมอุตสาหกรรมอาหารไทยในออสเตรเลียประสบความสำเร็จอย่างมาก เพราะอาหารไทยมีคุณภาพและรสชาติเป็นที่ชื่นชอบ ที่สำคัญมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในอนาคต แต่ขึ้นอยู่กับความร่วมมือจากผู้ประกอบการอาหารไทยด้วย รัฐบาล จะเร่งส่งเสริมให้อาหารไทยเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก โดยเฉพาะร้านอาหารไทยในซิดนีย์ได้ขอความร่วมมือให้มีการขึ้นป้ายย่านไทยทาวน์ เพื่อเป็นการสร้างจุดเด่นและกระตุ้นการท่องเที่ยวในซิดนีย์ด้วย