น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอให้ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้ตัดสินว่าจะเดินหน้าพิจารณาร่าง พ.ร.บ.สร้างความปรองดองแห่งชาติ ต่อไปหรือไม่ แต่โดยส่วนตัวมองว่าทางออกในเรื่องนี้ต้องพูดคุยกันในที่ประชุมสภาฯ
"เป็นเรื่องของสภา เห็นด้วยที่จะให้สภาเป็นทางออกได้พูดคุยกัน แต่จะทำอย่างไรนั้น ต้องเป็นมติของสภา ซึ่งดิฉันไม่สามารถก้าวล่วงสภาได้" นายกฯ กล่าว
กรณีที่ฝ่ายค้านพยายามชี้ว่า ร่าง พ.ร.บ.ปรองดองฯ เข้าข่ายเป็นพ.ร.บ.การเงิน ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะต้องเป็นผู้นำเสนอต่อสภาฯเองนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ระบุว่า เนื้อหาในร่างพ.ร.บ.แต่ละฉบับนั้น ไม่ได้เห็นทุกฉบับ จึงเป็นหน้าที่ของคณะกรรมาธิการทั้ง 35 คณะที่อยู่ระหว่างการหารือจะต้องลงมติกันว่า พ.ร.บ.ดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการเงินหรือไม่
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่อยากให้ทุกฝ่ายมองไปที่ปลายทาง แต่อยากให้มองจุดเริ่มต้นในการเดินหน้ากระบวนการสร้างความปรองดอง แต่เชื่อว่าในเนื้อหาของร่าง พ.ร.บ.ปรองดองฯ คงจะไม่ใช้การเปิดทางให้อำนาจฝ่ายนิติบัญญัติ หรือฝ่ายบริหารจะเข้าไปแทกแซงอำนาจตุลาการได้
ส่วนเหตุการความวุ่นวายที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ นายกรัฐมนตรี ได้ขอความร่วมมือทุกฝ่ายและขอให้เคารพกติกาของสภา ส่วนการออกมาชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.)นั้น ที่ผ่านมาประเทศก็บอบช้ำมามาก ถ้าไม่เดินหน้ามุ่งสู่กระบวนการปรองดอง ประเทศก็ไม่มีทางอก ซึ่งก็ต้องมาพิจารณาหาทางออกร่วมกันว่าจะต้องทำอย่างไรถึงจะอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติวิธี สภาฯถือเป็นจุดศูนย์รวมของทุกส่วน และจำเป็นต้องใช้เวทีสภาฯในการพูดคุยกัน
ต่อข้อถามว่า การชุมนุมที่เกิดขึ้นนั้นจะกระทบความเชื่อมั่นหรือไม่นั้น นายกฯ กล่าวว่า เป็นหน้าที่ที่ทุกคนต้องช่วยกัน ถึงแม้ว่าในหลายประเทศจะมีการประท้วงหรือการชุมนุม แต่อยากให้อยู่ในขอบเขตและความสงบ ซึ่งที่ผ่านมาการที่เดินทางไปต่างประเทศแล้วพยายามบอกถึงการปรองดอง ก็ไม่ได้ถือว่าเหนื่อยฟรี แต่จำเป็นต้องเดินหน้าและชี้แจงให้ต่างเชาติเข้าใจ