น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หารือข้อราชการร่วมกับนายซูซิโล บัมบัง ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ในโอกาสเยือนประเทศไทยเพื่อเข้าร่วมการประชุม World Economic Forum on East Asia 2012 ครั้งที่ 21 ว่า ได้ใช้โอกาสนี้ในการติดตามความคืบหน้าและการดำเนินการตามผลการเยือนอินโดนีเซียอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีในประเด็นต่างๆ อาทิ ความร่วมมือทางการเกษตรและอาหาร โดยเฉพาะอุตสาหกรรมฮาลาล
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการดำเนินการอย่างจริงจังของไทยเพื่อให้การผลิตอาหารของไทยตรงตามมาตรฐานฮาลาล เป็นที่ยอมรับในระดับสากล นอกจากนี้ ยังได้ให้ความมั่นใจเกี่ยวกับความสามารถของไทยในการผลิตข้าว รวมถึงศักยภาพในการส่งออกข้าวให้กับอินโดนีเซีย ในช่วงปี 54-59 ว่ามีถึง 1 ล้านตัน
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้ขอให้รัฐบาลอินโดนีเซียผ่อนผันมาตรการจำกัดจุดนำเข้าผลไม้จากไทย โดยไทยประสงค์ที่จะจัดทำ Mutual Recognition Agreement (MRA) ในลักษณะที่อินโดนีเซียทำกับออสเตรเลีย แคนาดา และสหรัฐฯ เพื่อเพิ่มมูลค่าทางการค้าระหว่างกันด้วย
สำหรับด้านการค้าการลงทุน ประธานาธิบดีอินโดนีเซียแสดงความพอใจกับมูลค่าการค้าระหว่างสองประเทศที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 53 จนถึงปัจจุบัน โดยจะสนับสนุนให้ภาคเอกชนอินโดนีเซียเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น
พร้อมกับเสนอให้ทั้งสองประเทศร่วมมือกันมากขึ้นในการเรื่องการส่งเสริมการใช้รถยนต์ที่รักษาสิ่งแวดล้อม หรือ "green car" ซึ่งรัฐบาลอินโดนีเซียให้การสนับสนุนในประเทศ ซึ่งนายกรัฐมนตรีรับที่จะให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องไปศึกษา พร้อมกับจะส่งเสริมให้ภาคเอกชนไทยเข้าไปลงทุนในอินโดนีเซียเช่นกัน โดยได้สั่งการให้รมว.ต่างประเทศของไทยลองจัดกิจกรรมจับคู่นักธุรกิจระหว่างสองประเทศด้วย
นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายต่างพอใจกับความร่วมมือด้านพลังงาน ในกรอบ Energy Forum ซึ่งนายกรัฐมนตรีเสนอการพัฒนาความร่วมมือด้านพลังงานทางเลือก โดยเฉพาะไบโอดีเซล น้ำมันปาล์มและเอทานอล เพิ่มเติมด้วย
ด้านการท่องเที่ยว ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย กล่าวชื่มชมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย และประสงค์ที่จะมีความร่วมมือในด้านนี้มากขึ้น ซึ่งนายกรัฐมนตรีเห็นพ้องว่าควรมีการส่งเสริมจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวร่วมกัน โดยเฉพาะสถานที่ที่เป็นที่นิยมของสองประเทศ อาทิ เกาะบาหลี ซึ่งนักท่องเที่ยวชื่นชอบเป็นพิเศษ
ด้านการประมง ทั้งสองฝ่ายอยู่ระหว่างการเจรจาร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการประมง ซึ่งมีความคืบหน้าไปด้วยดี ซึ่งผู้นำทั้งสองหวังว่า จะสามารถหาข้อสรุปเพื่อลงนามระหว่างกันได้โดยเร็ว
นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายต่างยืนยันถึงความพร้อมที่จะร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดต่อไปในเวทีอาเซียนและประเด็นระหว่างประเทศ ในฐานะหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างกัน
ทั้งนี้ ภายหลังการหารือ นายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ได้ร่วมกันเป็นสักขีพยานลงนามความตกลงว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราหนังสือเดินทางทูตและราชการ โดยเชื่อว่าจะส่งผลดีต่อการเชื่อมโยงระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศและสนับสนุนการเป็นประชาคมอาเซียน