นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีการชุมนุมคัดค้านของประชาชนในการเสนอร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยความปรองดองแห่ชาติ พ.ศ..... เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ว่า ถึงแม้การชุมนุมต่อต้านของประชาชนจะเป็นผลทำให้เกิดการเลื่อนการพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าวออกไป สะท้อนให้พรรคเพื่อไทยได้เห็นว่า ยังมีคนส่วนหนึ่งที่ต้องการรักษาความถูกต้องของบ้านเมือง และไม่ใช่เป็นเรื่องง่ายที่พรรคเพื่อไทยจะออกกฎหมายมาล้างผิดคนโกง และตราบใดที่รัฐบาลยังไม่ตระหนักกลับไปดำเนินการให้ถูกต้อง หรือถอนการพิจารณาออกไป เชื่อได้ว่าเหตุการณ์จะรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ต้องการสร้างความรุนแรงหรือสร้างม็อบให้เกิดขึ้นกลางถนน
"ผมเชื่อว่าขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี สั่งสู้ไม่ถอย ต้องทำทุกอย่างให้ร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง ผ่านไป 3 วาระอย่างเร็วที่สุด เพราะนี่เป็นสงครามครั้งสุดท้ายของ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ถ้าพลาดท่านคงไม่มีโอกาสกลับมาต่อสู้อีก อยากฝากไปยังพรรคเพื่อไทยว่า ประชาชนตาสว่างและทราบดีว่ากฎหมายดังกล่าวเป็นเพียงปาหี่ ตบตาประชาชน เพื่อช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ผมอยากให้ประชาชนได้เข้าใจว่าชื่อร่างกฎหมายดังกล่าวไม่ตรงกับสาระข้อเท็จจริง ซึ่งทางพรรคประชาธิปัตย์ขอเรียกว่า กฎหมายล้างผิดคนโกง คืนเงินคนชั่ว" นายชวนนท์กล่าว
นายชวนนท์กล่าวอีกว่า การนำข้อเสนอของสถาบันพระปกเกล้าและคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) มาบิดเบือน แก้ไข ให้เข้าทางตัวเอง เป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดว่ารัฐบาลไม่มีความจริงใจในการแก้ไขปัญหาให้กับคนในชาติในเรื่องความปรองดอง แต่ที่น่าอนาถใจที่สุดคือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่า ยังไม่เห็นร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว ผมเข้าใจว่าท่านอยู่ในการเมืองไม่นาน อาจจะไม่สนใจการเมืองจริงๆ มาทำเพราะพี่ชายสั่งมา
"ผมอยากถาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ว่าท่านทราบหรือไม่ว่าประชาชนออกมาต่อต้านกฎหมายฉบับดังกล่าวตลอด 2 วัน เกิดเหตุการณ์รุนแรง มีตำรวจปราบจลาจล แต่นายกฯกลับพูดว่าไม่เห็นกฎหมายดังกล่าว ผมอยากขอร้องท่านว่า การเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ใช่งานอดิเรก ถ้าท่านยังอยู่แบบนี้ จะสร้างความเสียหายให้กับประเทศ และตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ท่านกลับไปขอร้องพี่ชายเถอะ ให้ท่านกลับไปอยู่ตามวิถีชีวิตที่เคยเป็นมา หยุดทำร้ายประเทศไทยด้วยการส่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ มาเป็นนายกรัฐมนตรี" นายชวนนท์กล่าว