ผู้นำฝ่ายค้านฯ แนะรัฐบาลออก พ.ร.ฎ.ปิดสมัยประชุม เพื่อยุติความขัดแย้ง

ข่าวการเมือง Monday June 4, 2012 16:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผุ้แทนราษฎร เรียกร้องให้รัฐบาลออก พ.ร.ฎ.ปิดสมัยประชุมในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันพรุ่งนี้(5 มิ.ย.) เพื่อยุติความขัดแย้งจากกรณีร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง และร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ยังมีความเห็นแตกต่างในข้อกฎหมาย โดยใช้เวลาหลังจากนี้ทำความเข้าใจกับทุกฝ่าย ซึ่งจะช่วยทำให้สถานการณ์คลี่คลายลงได้ในระดับหนึ่ง และยังลดความหวาดระแวงของมวลชนที่มีต่อรัฐบาล

"หากยังมีการเปิดสมัยประชุมอยู่ก็จะไม่มีความมั่นใจว่าจะมีการลักไก่นำเอาร่างกฎหมายที่เป็นปัญหาเข้าสู่การพิจารณาหรือไม่" นายอภิสิทธิ์ กล่าว

หัวหน้าพรรค ปชป.กล่าวว่า สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองคือต้องออก พ.ร.ฎ.ปิดสมัยประชุม เพื่อปลดล็อคเงื่อนไขความขัดแย้งก่อนที่สถานการณ์จะลุกลามออกไป เพราะหากยังเดินหน้าต่อไปย่อมมีปัญหาตามมา โดยเฉพาะกรณีที่จะลงมติวาระ 3 ในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้งที่ศาลมีคำสั่งให้ระงับไว้ก่อน ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาข้อกฎหมายที่ต้องตีความตามมา อีกทั้งยังอยากให้เคารพต่อดุลพินิจของศาลเพราะเป็นผู้ชี้ขาดในเรื่องนี้ หากยังเดินหน้าก็จะเกิดปัญหาในเชิงโครงสร้างอำนาจที่จะทำให้สถานการณ์มีความยุ่งเหยิงมากขึ้น

"ยังคาดหวังว่านายกรัฐมนตรีจะรับฟังเสียงท้วงติงจากหลายฝ่ายที่มีความห่วงใยต่อบ้านเมือง เนื่องจากหากเลื่อนการพิจารณากฎหมายสองฉบับนี้ออกไปก็ไม่ได้ทำให้เกิดความเสียหาย มีเพียงแค่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และผู้ต้องหาหนีคดีอาญาแผ่นดินคนเดียวที่เดือดร้อน เพราะเอาเรื่องของตัวเองเป็นหลักโดยใช้คนอื่นเป็นตัวประกัน คนที่ควรลดเงื่อนไขลงคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งนี้ประเทศไม่ควรเข้าสุ่การเผชิญหน้าเพราะจะทำให้เกิดวิกฤตการเมืองที่รุนแรงอีกครั้งจนยากที่ประเทศจะฟื้นฟูกลับมาได้อีก ซึ่งภาคเอกชนก็แสดงความเป็นห่วงในเรื่องนี้" นายอภิสิทธิ์ กล่าว

หัวหน้าพรรค ปชป.กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้บริหารประเทศควรตัดสินใจโดยยึดประโยชน์ของบ้านเมืองเป็นหลัก และในวันพรุ่งนี้วิปฝ่ายค้านจะมีท่าทีที่ชัดเจนไปยังคณะรัฐมนตรีด้วย พร้อมกับเตือนเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีการซ้อมปราบฝูงชนว่าไม่ควรทำให้เกิดการเผชิญหน้าที่รุนแรงมากขึ้น เพราะประเทศไม่จำเป็นต้องเข้าสู่สถานการณ์แบบนี้ หากมีความรุนแรงเกิดขึ้นผู้ที่รับผิดชอบคือรัฐบาล เนื่องจากเป็นต้นตอของปัญหาผลักดันกฎหมายที่เกิดความขัดแย้งจนกลายเป็นตัวเร่งของสถานการณ์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ