นายถาวร เสนเนียม รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลเตรียมอนุญาตให้องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (นาซ่า) เข้ามาดำเนินโครงการศึกษาการก่อตัวของเมฆที่มีผลกระทบต่อสภาวะภูมิอากาศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในประเทศไทย โดยขอใช้สนามบินอู่ตะเภาเป็นฐานการวิจัย ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศเป็นต้นเรื่องนั้น ตนในฐานะ กรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ ได้ติดตามเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง พบว่า นาซ่าจะเก็บข้อมูลประเทศไทยทั้งบนพื้นดินและในน้ำ พร้อมกับนำแผนที่ภาพถ่ายดาวเทียมที่นาซ่าจะสำรวจมาแสดงต่อสื่อมวลชน โดยระบุว่าเป็นพื้นที่ที่จะกระทบต่อความมั่นคงของประเทศอย่างใหญ่หลวง
ประเด็นที่น่าสนใจคือ หลายคนติดตามการทำธุรกิจของนักการเมืองที่หนีคดีไปทำธุรกิจกับประเทศเพื่อนบ้านเกี่ยวกับธุรกิจพลังงานด้วยทุนมหาศาล ตนจึงมีข้อสังเกตว่าจะมีเรื่องผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องหรือไม่ ดังนั้นตนจะยื่นเรื่องต่อนายกรัฐมนตรีให้ยับยั้งเรื่องนี้เพื่อไม่ให้มีการพิจารณาใน ครม. เพราะเรื่องนี้น่าจะเข้าข่ายรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 เนื่องจากการสำรวจพื้นที่ของประเทศไทยย่อมมีผลต่อความมั่นคงของไทย เพราะสหรัฐอเมริกาสามารถนำไปใช้ประโยชน์ด้านการทหาร และเศรษฐกิจได้ และจะยื่นหนังสือถึงนายการุณ โหสกุล ประธานกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐในวันนี้ เพื่อชี้ให้เห็นว่าจะมีผลกระทบต่อไทย 7 ข้อ
1. ผลกระทบความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม มีผลผูกพันด้านการค้า การลงทุน หรืองบประมาณของประเทศอย่างมีนัยสำคัญตามมาตรา 190 ซี่งต้องผ่านความเห็นชอบของรัฐสภาก่อน 2. สหรัฐฯ สามารถนำข้อมูลที่ได้จากการสำรวจไปใช้ประโยชน์ด้านยุทธศาสตร์ทางทหารหรือเศรษฐกิจ 3. เป็นการสร้างความหวาดระแวงแก่ประเทศเพื่อนบ้านของไทย รวมทั้งจีน 4. เป็นการบินผ่านพื้นที่ชายแดนและการลงจอดฉุกเฉินในประเทศเพื่อนบ้านโดยไม่รับอนุญาต และต้องเป็นความรับผิดชอบในหน่วยงานความมั่นคงของประเทศไทย
5. เป็นการบินผ่านเขตหวงห้ามของไทย เช่น พื้นที่การฝึกฝ่ายทหาร เขตพระราชฐาน 6. อาจมีการซ่อนเร้นอุปกรณ์ที่เป็นยุทโธปกรณ์นอกเหนือจากอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์บนเครื่องบินสำรวจ โดยไม่มีการแจ้งให้ทางการไทยทราบมาก่อน และ 7. เป็นการกระตุ้นให้ฝ่ายต่อต้านสหรัฐฯ ก่อการร้ายในไทยได้ ถือเป็นการชักศึกเข้าบ้าน ซึ่งแม้แต่เตรียมทหารรุ่น 10 ที่อยู่พรรคชาติไทยพัฒนา ก็ยังติงเรื่องนี้ ตนยืนยันว่าไม่ได้หวาดระแวงหรือจินตนาการ แต่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ เพราะพื้นที่ปฏิบัติการของนาซ่าที่จะเข้ามาดำเนินการมีผลกระทบต่อความมั่นคงและเศรษฐกิจของชาติอย่างแน่นอน
นายถาวร กล่าวว่า การขอเข้าใช้สนามบินอู่ตะเภาของสหรัฐฯ แตกต่างไปจากโครงการที่กระทรวงการต่างประเทศในยุครัฐบาลที่แล้วเคยเสนอให้สหประชาชาติใช้สนามบินอู่ตะเภาในเรื่องการใช้เพื่อกิจการด้านการกู้ภัยพิบัตทางธรรมชาติ และการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ซึ่งเปิดโอกาสให้ประเทศสมาชิกสหประชาชาชาติใช้ประโยชน์ โดยไม่มีส่วนใดกระทบกับความมั่นคง เพราะมีภารกิจชัดเจนในเรื่องของมนุษยธรรม ไม่ใช่ให้สหรัฐฯ เพียงประเทศเดียวเข้ามาสำรวจพื้นที่ในประเทศไทย
และได้ทราบข้อมูลว่าในกรณีนี้ฝ่ายความมั่นคงมีความกังวลอย่างมาก โดยเฉพาะกองทัพอากาศ จึงขอให้ออกมาระงับเรื่องนี้ เพราะแม้แต่ ผบ.ทอ. ก็ยังไม่ทราบเรื่องนี้ แต่เป็นการดำเนินการของนายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศโดยการผลักดันของ นายจิระชัย ปั้นกระษิณ อธิบดีกรมอเมริกาและแปซิฟิคใต้ เป็นผู้ขับเคลื่อน
"มีการจับตามองเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ส่วนตนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่จะขอวีซ่าเข้าสหรัฐฯ ด้วย เพราะหากอเมริกาซึ่งเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย ยอมยกเว้นการบังคับใช้กฎหมายเพื่อให้นักโทษหนีคดีเข้าประเทศได้นั้น ย่อมต้องมีผลประโยชน์มหาศาลต่ออเมริกาเป็นข้อแลกเปลี่ยน ซึ่งผมเชื่อว่าเกี่ยวข้องกับทรัพยากรใต้ท้องทะเลที่บริษัทยักษ์ใหญ่อันดับสามมารับสัมปทานขุดเจาะน้ำมัน และแก๊สอยู่"