นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ เชื่อว่าการที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางมาประเทศฮ่องกง มีนัยยะสำคัญทางการเมืองที่ต้องการให้แกนนำเดินทางไปพบเพื่อหารือถึงการปรับครม. โดยเชื่อว่า อำนาจการตัดสินใจยังอยู่ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ แม้จะมีกระแสข่าวขัดแย้งระหว่าง นายกรัฐมนตรี และพ.ต.ท.ทักษิณ แต่สุดท้ายการพิจารณาก็ขึ้นอยู่กับ พ.ต.ท.ทักษิณ เพียงคนเดียว
พร้อมกันนี้ประเมินว่าการปรับครม. จะต้องมีการปรับคณะรัฐมนตรี ก่อนวันที่ 1 สิงหาคม นี้ ที่เป็นวันเปิดประชุมสมัยวิสามัญทั่วไปแน่นอน เพื่อไม่ให้เปิดทางฝ่ายค้าน สามารถอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ง่าย
ทั้งนี้ เห็นว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ควรทบทวนภาพลักษณ์ และผลงานของรัฐบาล เริ่มตั้งแต่ตัวนายกรัฐมนตรี ถึงคณะรัฐมนตรี เพราะขณะนี้เห็นว่า ตัวนายกรัฐมนตรี เป็นเหมือนผู้ตรวจราชการเมื่อเทียบกับข้าราชการในกระทรวง โดยเฉพาะ ผลงาน ครม.เศรษฐกิจ ที่รัฐมนตรีบางคนเป็นรัฐมนตรีโลกลืม
นายเทพไท กล่าวว่า ขณะนี้แม้จะมีพระราชกฤษฎีการปิดประชุมสภาสมัยสามัญนิติบัญญัติแล้ว แต่ยังมีความเคลื่อนไหวของส.ส.เสื้อแดง ที่โยนหินถามทางต้องการให้มีการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญเพื่อลงมติแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3 ซึ่งสอดคล้องกับความเห็นของนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย สมาชิกบ้านเลขที่ 111 ที่ต้องการผลักดันให้แก้รัฐธรรมนูญให้แล้วเสร็จในสมัยประชุมนี้ ดังนั้นเพื่อไม่ให้สังคมหวาดระแวง ว่า จะมีการผลักดันรัฐธรรมนูญ และทำให้บรรยากาศทางการเมืองนิ่งในช่วงการปิดประชุม จึงขอเรียกร้องให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี การันตีกับสังคมว่า จะไม่มีการขอเปิดประชุมสมัยวิสามัญ
นอกจากนี้ นายเทพไท ยังวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของแกนนำคนเสื้อแดงขณะนี้ว่า มีความพยายามปลุกระดมมวลชนที่กำลังอ่อนล้าให้กลับมาคึกคัก และสร้างวาทะกรรมทางการเมืองให้น่ากลัวว่า ก้าวผ่านตุลาการภิวัฒน์ เข้าสู่ยุคอำมาตย์ภิวัฒน์ เล่นงานรัฐบาล โดยใช้วันที่ 24 มิ.ย. ที่ครบรอบ 80 การเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นจุดเริ่มการเคลื่อนไหว เพื่อสร้างอำนาจต่อรองภายในพรรคเพื่อไทย เพราะขณะนี้กลุ่มคนเสื้อแดงมีความขัดแย้งทางความคิด รวมถึงเรื่องผลประโยชน์ไม่ลงตัว และตำแหน่งรัฐมนตรีของคนเสื้อแดง จึงจำเป็นต้องปลุกระดมมวลชนให้เข้มแข็ง