น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เผยผลประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาว่า จากการติดตามสถานการณ์แล้ว ตนเองได้สั่งการให้ที่ประชุมศึกษาผลกระทบจากวิกฤติยูโรโซนทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยทางอ้อมคือการดูผลกระทบจากการทำธุรกรรมกับผู้ค้าที่อยู่ในกลุ่มกลุ่มยูโรโซนทั้งหมด ซึ่งต้องทำรายละเอียดให้ชัดเจนที่สุด
พร้อมกันนี้ได้สั่งการให้รัฐมนตรีเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องลงไปวิเคราะห์สถานการณ์ปัจจุบันและจุดเสี่ยงด้านต่างๆ เช่น เรื่องแรงงาน หรือผลประกอบการของแต่ละธุรกิจว่าธุรกิจใดบ้างที่ได้รับผละกระทบเพื่อรัฐบาลจะได้เตรียมการป้องกัน ซึ่งเป็นแผนติดตามต่อเนื่องเป็นระยะๆ
ส่วนเรื่องเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการในขณะนี้คือ การดูแลและหามาตรการช่วยเหลืออุตสาหกรรม 4 ประเภท ได้แก่ อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์จากยางพารา
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่ทราบว่าวิกฤติยูโรโซนจะกระทบกับเป้าหมายทางเศรษฐกิจของไทยหรือไม่ เพราะตัวเลขเศรษฐกิจในภาพรวม จะดูผลกระทบจากวิกฤติยูโรโซนก่อนว่าทางยุโรปจะมีวิธีการแก้ปัญหาอย่างไร โดยให้ทางสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ธนาคารแห่งประเทศไทย และกระทรวงการคลัง ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมประเมินว่าหากเกิดเหตุการณ์เลวร้ายที่สุดจะกระทบไทยอย่างไร และจะแก้ปัญหาอย่างไร
ขณะเดียวกันรัฐบาลจำเป็นต้องดูแลกลุ่มเอสเอ็มอีและกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศมากขึ้น รวมทั้งสร้างความเข้มแข็งให้กับโรงงานอุตสาหกรรม ส่วนเรื่องของจีดีพีนั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า อยากให้เป็นไปตามที่วางเป้าไว้คือ 5.5-6.5 เปอร์เซนต์ แต่ทั้งนี้ต้องรอประเมินสถานการณ์ก่อน