น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม.วันนี้มีมติให้ส่งที่เรื่ององค์การการบินและอวกาศแห่งชาติของสหรัฐ(นาซ่า) ขอใช้สนามบินอู่ตะเภาในโครงการศึกษาสภาพภูมิอากาศในภูมิภาคเอเชียให้ที่ประชุมรัฐสภาพิจารณาตัดสินใจ โดยยอมรับว่าหากกระบวนการล่าช้าอาจทำให้นาซ่ายกเลิกโครงการดังกล่าวไป
อย่างไรก็ดี ยืนยันว่าการดำเนินการดังกล่าวของรัฐบาลไม่ขัดต่อกฎหมาย เนื่องจากคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่เข้าข่ายมาตรา 190 วรรค 2 อีกทั้งกระทรวงที่เกี่ยวข้องได้ชี้แจงต่อประชาชนในทุกช่องทางแล้ว แต่เนื่องจากยังมีข้อขัดแย้งรวมถึงฝ่ายค้านเองที่ยังเกรงว่าเรื่องนี้อาจกระทบต่อผลประโยชน์ประเทศชาติ ซึ่งถือเป็นข้อกล่าวหาที่รุนแรง ดังนั้นเพื่อให้เกิดความโปร่งใสคณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติให้ส่งเรื่องไปที่สภาฯ
"คณะรัฐมนตรีมีความเห็นว่าเราจะใช้กลไกรัฐสภาในการตรวจสอบ เพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ หากตรวจสอบล่าช้าจะทำให้นาซ่ายกเลิกโครงการ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียใจ และน่าเสียดาย" นายกรัฐมนตรี กล่าว
พร้อมกันนี้ ที่ประชุมครม.ได้มอบหมายให้ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ ไปชี้แจงและทำความเข้าใจต่อสหรัฐอเมริกา โดยเชื่อว่าสหรัฐฯ จะเข้าใจ และเคารพการตัดสินใจของไทย
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การที่ไม่เปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณาในเรื่องนี้ เพราะที่ประชุมครม.เห็นว่าแม้จะเปิดสมัยวิสามัญก็ไม่ทันกำหนดเวลาที่สหรัฐฯ วางกรอบไว้คือไทยต้องให้คำตอบแก่สหรัฐฯ ภายในวันนี้
ส่วนกรณีที่หากที่ประชุมสภาฯ พิจารณาเรื่องนี้แล้วและเห็นว่าไม่กระทบต่อประโยชน์ของประเทศ ฝ่ายค้านควรจะแสดงความรับผิดชอบหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวเพียงว่า ต้องให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน
อนึ่ง โครงการดังกล่าวของนาซ่าเป็นเรื่องสืบเนื่องจากรัฐบาลชุดก่อน ซึ่งเป็นการลงนามเพื่อแสดงเจตจำนงค์เรื่องความร่วมมือในการสำรวจชั้นบรรยากาศอย่างกว้างๆ และรัฐบาลชุดก่อนยังไม่ได้ดำเนินการใดๆ ซึ่งโครงการนี้ถือเป็นความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์ในการใช้เทคโนโลยีระดับสูง และต้องสำรวจในช่วงเวลาที่มีมรสุม ถือว่าเป็นโครงการที่มีประโยชน์ต่อการช่วยพยากรณ์อากาศและป้องกันภัยพิบัติทางธรรมชาติ