พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา (นาซ่า) ออกแถลงการณ์ยกเลิกการขอใช้พื้นที่สนามบินอู่ตะเภา เพื่อตั้งฐานบินสำรวจชั้นบรรยากาศว่า เมื่อนาซายกเลิกโครงการไปแล้วก็ไม่จำเป็นต้องนำเข้าสู่ที่ประชุมร่วมรัฐสภา แต่ทั้งนี้หากนาซ่าต้องการดำเนินโครงการความร่วมมือในอนาคต ก็จะต้องแจ้งความประสงค์เข้ามาให้เร็วขึ้น เพราะขั้นตอนการดำเนินการของการไทยต้องใช้เวลา เพื่อให้การดำเนินการทำได้อย่างถูกต้อง
อย่างไรก็ตาม คงจะต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีที่ฝ่ายค้านนำข้อมูลออกมาโจมตี เนื่องจากเป็นข้อมูลภายใน ไม่ทราบว่าฝ่ายค้านได้ข้อมูลดังกล่าวอย่างไร
ส่วนกรณีการความคืบหน้าคดีปราสาทพระวิหารนั้น พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า คณะทำงานในการปฎิบัติตามข้อสังเกตและคำสั่งของศาลโลก ได้มีการประชุมแต่ยังไม่ได้ข้อสรุป โดยย้ำว่าขณะนี้มีความสำเร็จในระดับหนึ่ง ส่วนการถอนหรือปรับกำลังทหารในพื้นที่ ก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอน โดยเฉพาะกับระเบิดที่ยังฝังในพื้นที่ เพราะหากมีการถอนกำลัง ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยในพื้นที่ด้วย
อย่างไรก็ตาม ไม่ทราบเรื่องกรณีที่นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เสนอให้ถอนร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ ออกจากวาระการพิจารณาของสภา โดยขอดูรายละเอียดก่อน ส่วนสถานการณ์ทางการเมืองหลังจากนี้หากมีการเดินหน้าพ.ร.บ.ปรองดองจะเป็นอย่างไร จะรอฟังรายงานของสำนักข่าวกรองแห่งชาติก่อน
พร้อมกันนี้ ยังกล่าวถึงสถานการณ์ในพื้นที่ภาคใต้ว่า ในภาพรวมถือว่าดีขึ้น เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงสามารถดูแลพื้นที่จุดยุทธศาสตร์ไว้ได้ ซึ่งการจัดงานกาชาดในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ถือเป็นสัญญาณที่ดี แต่เป้าหมายในการก่อเหตุรุนแรง ก็ยังมุ่งเป้าไปที่ประชาชนและอาสาสมัครในพื้นที่
ทั้งนี้ ในประธานคณะทำงานขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้สรุปงานให้แต่ละกระทรวงไปดำเนินการ ซึ่งทุกฝ่ายทราบแผนงานและให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยนายกรัฐมนตรีได้กำชับ หากกระทรวงใดไม่สามารถทำตาม นโยบาย ก็จะต้องคืนงบประมาณที่จัดสรรสำหรับการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ภาคใต้ โดยจะไม่สามารถผันไปใช้ส่วนอื่นได้ สำหรับการเยียวยาครูในพื้นที่ออกมาเรียกร้องเงินเยียวยาจำนวน 7ล้านบาทสำหรับกรณีเสียชีวิตนั้น ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนใต้ (ศอ.บต.) อยู่ระหว่างการพิจารณา ยืนยันจะให้ความเป็นธรรมกับทุกส่วน เพื่อให้เป็นมาตรการในการเยียวยาต่อไป