พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคมาตุภูมิ ในฐานะหนึ่งในผู้เสนอร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการปรองดองแห่งชาติ ยืนยันว่า ยังไม่ได้หารือกับนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรหลังจากมีแนวคิดให้ผู้เสนอร่างพ.ร.บ.ปรองดองฯ ถอนออกจากระเบียบวาระประชุมสภาฯ
ทั้งนี้ ในรายละเอียดของการหารือเป็นเรื่องหลักการทั่วไป เช่น สถานการณ์บ้านเมือง ความคืบหน้าของการสานเสวนา โดยไม่มีประเด็นของการให้ถอนร่างฉบับที่ตนและคณะนำเสนอออกแต่อย่างใด อย่างไรก็ดี มองว่าพ.ร.บ.ปรองดองฯ ไม่ใช่เงื่อนไขที่จะนำไปสู่ความขัดแย้งของบ้านเมือง แต่ต้องจับตาที่ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมากกว่า และตนคงไม่สามารถตอบได้ชัดเจนว่าจะถอนร่าง พ.ร.บ.ปรองดองฯหรือไม่ เพราะต้องรอดูสถานการณ์และหารือกับคณะก่อน
"แม้จะถอนร่างพ.ร.บ.ปรองดองฯ ของผมออก ก็ไม่มีความหมาย เพราะยังเหลืออีกหลายร่างที่พรรครัฐบาลเสนอเข้ามา เจตนารมณ์ที่ผมเสนอร่างกฎหมายนี้ เพื่ออยากให้ทุกฝ่ายอภัยให้กันและมาร่วมสร้างประเทศ ผมมีเจตนาดีกับบ้านเมือง สิ่งที่ผมทำเป็นยุทธศาสตร์ที่เป็นประโยชน์กับประเทศ แต่หากใครมองว่ามันเป็นยุทธวิธีที่นำไปสู่การสร้างประโยชน์กับบุคคลหรือกลุ่มบุคคล คนๆ นั้นกำลังมองประเทศในทางที่ผิด" พล.อ.สนธิ กล่าว
พร้อมระบุว่า ปัจจัยที่จะให้ถอนร่างพ.ร.บ.ปรองดองนั้น ขณะนี้หน่วยงานของรัฐอยู่ระหว่างการจัดงานเสวนาและทำโพลล์ ดังนั้น ต้องขอรอข้อสรุปในเรื่องดังกล่าวก่อนตัดสินใจว่าจะถอนร่างกฎหมายนี้หรือไม่ และขอให้เสียงส่วนใหญ่ของประชาชนเป็นผู้ตัดสิน หากประชาชนส่วนใหญ่คัดค้าน ก็พร้อมที่จะไม่เดินหน้าเรื่องดังกล่าว
ด้านนายชุมพล ศิลปอาชา รองนายกรัฐมนตรี และรมว.การท่องเที่ยวและการกีฬา ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า การที่ประธานสภาฯ อยากให้พล.อ.สนธิ ถอนร่างพ.ร.บ.ปรองดองฯ ออกจากวาระการประชุมสภาฯ คงเป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นเท่านั้น ซึ่งนายสมศักดิ์เองไม่มีสิทธิที่จะถอน ส่วนบรรยากาศในช่วงนี้เหมาะสมที่จะผลักดันเรื่องนี้เข้าไปอีกหรือไม่นั้น ตนเชื่อว่าเรื่องนี้คงใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง ขณะที่การทำเวทีประชาเสวนาตามข้อเสนอของสถาบันพระปกเกล้า ก็ถือว่าเป็นข้อแนะนำที่ดี
อย่างไรก็ดี ประเด็นขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นต้องนั่งพูดคุยกันเป็นกิจลักษณะกับพล.อ.สนธิ เพราะต่างคนต่างรู้สถานการณ์ดี และสามารถใช้ดุลพินิจตัดสินใจได้ ส่วนพรรคชาติไทยพัฒนาเห็นว่าถ้าบรรยากาศยังไม่เหมาะสมก็ควรรับฟังความคิดเห็นที่หลากหลายไปก่อน ซึ่งเรื่องปรองดองไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย
ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายแสดงความกังวลว่าจะเกิดความรุนแรงขึ้นในช่วงเปิดการประชุมสภาฯ สมัยสามัญทั่วไปในวันที่ 1 ส.ค.นั้น นายชุมพล กล่าวเพียงแต่ว่า อยากให้รัฐบาลทำงานอย่างเต็มที่ และทำงานแก้ไขปัญหาต่อเนื่อง
ส่วนกรณีที่นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.ศึกษาธิการ แสดงความเห็นว่ารัฐบาลจะอยู่ไม่ถึงสิ้นปีนี้ ในฐานะเป็นพรรคร่วมรัฐบาล นายชุมพล ระบุว่า ทุกคนมีสิทธิแสดงความเห็น ไม่น่าจะกระทบองค์รวมของการเมือง ซึ่งจะเป็นจริงหรือไม่ก็อยู่ที่อนาคต ไม่มีหมอดูคนไหนทำนายอนาคตได้ถูกต้อง
ส่วนการปรับคณะรัฐมนตรีที่พรรคร่วมรัฐบาลจะขอปรับก่อน หากพรรคเพื่อไทยไม่มีการปรับ รวมทั้งกรณีที่พรรคพลังชลจะขอแลกกระทรวงการท่องเที่ยวและการกีฬา ก็ขึ้นอยู่ที่นายกรัฐมนตรี ซึ่งทางพรรคไม่ได้ติดใจ ถ้าทำงานได้ดีกว่าก็ไม่มีปัญหาอะไร และไม่ทราบว่ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะมีการเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีหรือไม่
สำหรับกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดไต่สวนผู้ร้องและผู้ถูกร้องในฐานะผู้ยื่นเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น นายชุมพล กล่าวว่า วันนี้พรรคจะหารือกันถึงประเด็นคำชี้แจงต่างๆ ว่าในวันที่ 6 ก.ค.นี้จะชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญอย่างไร ซึ่งตนจะเดินทางไปชี้แจงต่อศาลด้วยตัวเอง