สวนดุสิตโพล เผยประชาชนส่วนใหญ่เห็นว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการออก พ.ร.บ.ปรองดอง จะส่งผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาล หากยุติการผลักดันกฎหมายทั้งสองฉบับจะช่วยให้มีโอกาสอยู่บริหารประเทศได้ครบเทอม
"ประชาชนส่วนใหญ่ เห็นว่า พ.ร.บ.ปรองดองมีผลต่ออายุรัฐบาล โดยเฉพาะถ้ายุติการแก้รัฐธรรมนูญและ พ.ร.บ.ปรองดอง รัฐบาลมีโอกาสอยู่ได้ครบเทอมถึง 50.32%" เอกสารเผยแพร่ ระบุ
ทั้งนี้ประชาชนส่วนใหญ่ 56.17% เห็นว่า หากเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญและ พ.ร.บ.ปรองดอง ต่อไปจะส่งผลให้อายุรัฐบาลอยู่ต่อไปได้ไม่เกิน 6 เดือน ขณะเดียวกันประชาชนส่วนใหญ่ 38.74% เห็นว่า แม้จะยุติแก้ไขรัฐธรรมนูญแต่ยังเดินหน้าออก พ.ร.บ.ปรองดอง อายุรัฐบาลก็จะอยู่ได้อีกไม่เกิน 6 เดือน แต่หากเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไปแต่ถอน พ.ร.บ.ปรองดอง ประชาชนส่วนใหญ่ 36.36% เห็นว่ารัฐบาลจะอยู่ได้ไม่เกิน 1 ปี และหากยุติการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และถอน พ.ร.บ.ปรองดอง ประชาชนส่วนใหญ่ 50.32% เห็นว่า รัฐบาลจะมีโอกาสอยู่บริหารประเทศได้ครบวาระ 4 ปี
โดยในเรื่องของการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ประชาชนส่วนใหญ่ 45.23% เห็นว่าควรชะลอไปก่อน เพราะควรศึกษาให้รอบคอบและรอบด้าน ไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์คนใดคนหนึ่ง ปัญหาความขัดแย้งต่างๆจะได้ลดลง ฯลฯ ขณะที่ประชาชนอีก 28.31% เห็นว่า ควรยกเลิกโดยไม่มีการแก้ไข เพราะถึงแม้จะแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้ว ปัญหาต่างๆก็ยังไม่จบลง การเมืองเป็นเรื่องของผลประโยชน์, ปัญหาน้ำท่วม ของแพง เร่งด่วนกว่า ฯลฯ และมีประชาชนเพียง 26.46% เห็นว่าควรดำเนินการแก้ไขต่อไป เพราะที่มาของรัฐธรรมนูญยังไม่เป็นที่ยอมรับ ควรแก้ไขให้เหมาะสม, เป็นเรื่องหนึ่งที่รัฐบาลสัญญาไว้กับประชาชนว่าจะแก้ไข ฯลฯ
ส่วนเรื่อง พ.ร.บ.ว่าด้วยปรองดองแห่งชาติ นั้นประชาชน 40.49% เห็นว่าควรถอนออกไปเลย เพราะเป็นประเด็นที่สร้างปัญหา ความขัดแย้งต่างๆจะได้ยุติ, รัฐบาลจะได้เดินหน้าดำเนินการแก้ปัญหาที่สำคัญในเรื่องอื่นๆต่อไป ฯลฯ ขณะที่ประชาชนอีก 34.36% เห็นว่าควรชะลอไปก่อน เพราะมีเสียงคัดค้านจากหลายฝ่าย ทำให้เกิดความขัดแย้งมากขึ้น, ควรศึกษาอย่างละเอียดรอบคอบ ทำความเข้าใจกับประชาชน ฯลฯ และมีประชาชนเพียง 25.15% ที่เห็นว่าควรเดินหน้าแก้ไขต่อไป เพราะรัฐบาลจะได้เดินหน้าบริหารบ้านเมืองได้อย่างเต็มที่ ประเทศชาติสงบสุข การสร้างความปรองดองมีผลดีมากกว่าผลเสีย ฯลฯ
ทั้งนี้ สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ได้สำรวจคิดเห็นในเรื่องดังกล่าวจากประชาชนจำนวน 2,562 คน ระหว่างวันที่ 25-30 มิ.ย.ที่ผ่านมา