ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ระบุกระบวนการยกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐบาลเป็นไปตามเจตนารมย์ในการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ซึ่งบัญญัติไว้ในวรรคสุดท้ายของมาตรา 291 เป็นการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายทุกประการ และตามหลักสากลการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะมีทั้งให้แก้ไขได้ง่ายกับแก้ไขได้ยาก ซึ่งในรัฐธรรมนูญปี 50 กำหนดให้มีการแก้ไขได้ง่ายกว่ารัฐธรรมนูญปี 40 ที่ต้องให้ประชาชนเข้าชื่อ 5 หมื่นรายชื่อเพื่อยื่นขอแก้ไข ซึ่งไม่ได้เป็นไปตามที่นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ออกมาระบุว่ารัฐธรรมนูญไม่มีเจตนารมย์ให้มีการแก้ไขทั้งฉบับ
ทั้งนี้ หากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่าเป็นการล้มล้างการปกครองก็อาจส่งผลถึงการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค แต่ส่วนตัวเชื่อว่ากรณีนี้หากผลออกมาเลวร้ายสุดก็ไม่น่าที่จะมีบทลงโทษอะไร อาจเป็นเพียงแค่ให้กลับไปยกร่างใหม่เท่านั้น