นายวสันต์ สร้อยพิสุทธ์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ได้แจ้งต่อคู่ความทั้งฝ่ายผู้ร้อง และผู้ถูกร้องในคดีการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 50 เป็นการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยหรือไม่ ก่อนเริ่มกระบวนการไต่สวนพยานฝ่ายผู้ถูกร้องในเช้านี้ ซึ่งล่าช้าไปกว่าครึ่งชั่วโมง เนื่องจากมีการประชุมคณะตุลาการรัฐธรรมนูญ หลังจากตุลาการอีก 3 คน ประกอบด้วย นายนุรักษ์ มาประณีต, นายสุพจน์ ไข่มุกต์ และตนเอง ประสงค์จะขอถอนตัวจากการพิจารณาคดีนี้
ทั้งนี้ นายนุรักษ์และนายสุพจน์ เคยเป็น อดีตส.ส.ร.ที่ยกร่างรัฐธรรมนูญปี 50 ซึ่งมีการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญในทิศทางเดียวกับนายจรัญ ภักดีธนากุล ที่ได้ถอนตัวจากการเป็นองค์คณะตุลาการฯ ในคดีดังกล่าวไปแล้วเมื่อวานนี้
ส่วนกรณีของนายวสันต์ เคยให้สัมภาษณ์ต่อกรณีการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญไว้เมื่อเดือน ส.ค.54 ว่า หากรัฐบาลต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ควรแต่งตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ ชุดที่ 3 (ส.ส.ร.3) ขึ้นมาทำหน้าที่เพื่อยกร่างใหม่ทั้งหมด และนำส่วนดีของรัฐธรรมนูญปี 40 มาปรับใช้ แต่ไม่ใช่นำมาใช้ทั้งหมด เนื่องจากมีปัญหาบางส่วนที่เกี่ยวเนื่องกับระบบศาลยุติธรรม ซึ่งทำให้ผู้พิพากษาต้องพิจารณาในคดีที่ไม่มีความชำนาญได้
อย่างไรก็ดี ศาลรัฐธรรมนูญได้เริ่มการไต่สวนพยานฝ่ายผู้ถูกร้องเมื่อเวลา 10.00 น. โดยไต่สวนนายโภคิน พลกุล สมาชิกพรรคเพื่อไทย และอดีตประธานรัฐสภาเป็นปากแรก ซึ่งวันนี้จะมีการไต่สวนพยานฝ่ายผู้ถูกร้องทั้งหมด 8 ปาก