นายอุดมเดช รัตนเสถียร ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล(วิปรัฐบาล)เปิดเผยว่า ที่ประชุมทีมกฎหมายของพรรคเพื่อไทยวันนี้มีความเห็นถึงทิศทางคำวินิจฉัยของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่น่าจะเป็นไปได้ 3 แนวทาง คือ แนวทางแรก ศาลไม่มีอำนาจวินิจฉัยตามมาตรา 68 ในการยื่นคำร้องคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
แนวทางที่ 2 ศาลมีอำนาจพิจารณาและเห็นว่าไม่สามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ทั้งฉบับ ตามมาตรา 291 แต่ให้แก้ไขเป็นรายมาตรา ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็ต้องเริ่มกระบวนการใหม่และประหยัดเวลามากกว่าเดิมถึง 8 เดือน เพราะไม่ต้องมีสภาร่างรัฐธรรมนูญ(สสร.)ขึ้นมายกร่างรัฐธรรมนูญ
ส่วนแนวทางที่ 3 ศาลเห็นว่าไม่สามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ เป็นการล้มล้างการปกครอง ส่งผลให้มีการยุบพรรคและตัดสิทธิทางการเมือง
นายอุดมเดช ให้ความเห็นส่วนตัวว่า ศาลรัฐธรรมนูญไม่น่าจะตัดสินไปในทิศทางที่รุนแรง อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวยังไม่ได้มีการพูดคุยกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในเรื่องนี้ และยังไม่มีการตั้งพรรคสำรองหากถูกตัดสินยุบพรรค
กรณีที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาวิเคราะห์ว่าหลังจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญแล้วไม่ว่าผลจะออกมาบวกหรือลบจะทำเกิดความขัดแย้งในสังคมนั้น เป็นความคิดเห็นที่สอดคล้องกับนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทยที่เคยวิเคราะห์เรื่องนี้ แต่ส่วนตัวเชื่อว่าคงไม่ถึงขั้นมีความรุนแรงเกิดขึ้นในสังคมจากเรื่องดังกล่าว
สำหรับการสรุปคำแถลงปิดคดีคำร้องคัดค้านร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะต้องส่งให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญวันที่ 11 ก.ค.ที่ประชุมทีมกฎหมายฯ เห็นว่าการให้ปากคำของผู้ถูกร้องและพยานมีบางเรื่องที่ต้องเขียนชี้แจงให้ชัดเจน
ทั้งนี้ พรรคจะมีการประสานไปยังรัฐสภาและกฤษฎีกา ซึ่งจะต้องเขียนคำแถลงปิดคดีด้วย โดยให้ไปดูให้ชัดเจน เพราะคำพูดคำเดียวกันแต่คนฟังอาจเข้าใจไปในทิศทางอื่น ขณะที่ในส่วนของพรรคเพื่อไทยไม่มีประเด็นอะไรที่ต้องเพิ่มเติมแล้ว แต่ทีมกฎหมายจะหารือเพื่อให้ได้ข้อสรุปอีกครั้งวันพรุ่งนี้ (10 ก.ค.)