คลังชง ครม.อนุมัติหลักเกณฑ์ค้ำประกันชำระหนี้หน่วยงานรัฐ/เพิ่มทุนสำรองฯ

ข่าวการเมือง Tuesday July 10, 2012 10:14 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)วันนี้มีวาระที่น่าสนใจ ได้แก่ กระทรวงการคลังจะเสนอให้พิจารณากรอบการเจรจาการเพิ่มประสิทธิภาพมาตรการริเริ่มเชียงใหม่ ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ได้เพิ่มความผูกพันเงินทุนสำรองระหว่างประเทศเป็น 9,104 ล้านเหรียญสหรัฐ จากเดิมไม่เกิน 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันต่อความผันผวนของเศรษฐกิจโลกให้กับประเทศสมาชิกอาเซียน

อีกเรื่องกระทรวงการคลังจะเสนอให้พิจารณาเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงการคลังเรื่องหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการค้ำประกันการชำระหนี้ของหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือสถาบันการเงินภาครัฐ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้

ทั้งนี้เพื่อให้กระทรวงการคลังสามารถค้ำประกันการชำระหนี้เงินกู้ให้แก่หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือสถาบันการเงินภาครัฐได้ใน 8 กรณี คือ 1.การกู้เงินเพื่อโครงการหรือแผนงานในด้านสาธารณูปโภคหรือสาธารณูปการ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อประชาชนโดยส่วนรวม 2.โครงการหรือแผนงานที่มีผลตอบแทนทางเศรษฐกิจและสังคมสูง(EIRR) แต่มีผลตอบแทนทางการเงินต่ำ(FIRR) หรือโครงการหรือแผนงานที่ราคาสินค้าหรือบริการอยู่ภายใต้การควบคุมตามนโยบายของรัฐบาล

3.การกู้เงินจากสถาบันการเงินระหว่างประเทศ รัฐบาลต่างประเทศ สถาบันการเงินของรัฐบาลต่างประเทศ หรือสถาบันการเงินต่างประเทศ โดย กค.ได้ให้ความเห็นชอบในการค้ำประกันการชำระหนี้ตามเงื่อนไขการกู้เงิน 4.การกู้เงินในขณะที่สภาวะตลาดการเงินไม่เอื้ออำนวย หาก กค.ไม่ค้ำประกันเงินกู้ดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศ 5.การกู้เงินซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติให้รัฐบาลรับภาระทั้งหมดหรือบางส่วน

6.การกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ที่ กค.เคยค้ำประกัน และ กค.พิจารณาเห็นสมควรให้มีการค้ำประกันหนี้ต่อไป เช่นเดียวกับกรณีที่เป็นหนี้อันเนื่องมาจากการกู้เงินที่มีความจำเป็นและสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล 7.การกู้เงินเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนหรือเพื่อเสริมสภาพคล่องให้แก่หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือสถาบันการเงินภาครัฐที่ราคาสินค้าและบริการอยู่ภายใต้การควบคุมตามนโยบายของรัฐบาล หรือเพื่อดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล และ 8.การกู้เงินเพื่อดำเนินโครงการหรือแผนงานหรือเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งหาก กค.ค้ำประกันจะเป็นการประหยัด ลดต้นทุน และทำให้การบริหารหนี้สาธารณะมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

เรื่องต่อมา คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เสนอให้ทบทวนมติ ครม.เรื่องการให้หน่วยงานของรัฐดำเนินการจัดทำข้อมูลรายละเอียดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้าง โดยเฉพาะราคากลางและการคำนวณราคากลางไว้ในระบบข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าตรวจดูได้ และการกำหนดมาตรการที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม

โดยขอความเห็นชอบในการเปิดเผยข้อมูลรายละเอียดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างไว้ในระบบข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. เสนอตามนัยมาตรา 103/7 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม แก้ไขปรับปรุงหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐนั้น เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.นำเสนอ ครม.พิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ

ขณะที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) เสนอขอความเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ...) พ.ศ. ...(โอนกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ไปรวมกับกรมป่าไม้) เนื่องจากเห็นว่ากรมป่าไม้และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช มีภารกิจเกี่ยวกับการอนุรักษ์ สงวน คุ้มครอง ฟื้นฟู ดูแล รักษา ส่งเสริม และทำนุบำรุงทรัพยากรป่าไม้ ซึ่งมีลักษณะงานที่ซ้ำซ้อนและมีพื้นที่รับผิดชอบบางส่วนทับซ้อนกัน มีอำนาจหน้าที่ในการดำเนินการตามกฎหมายเกี่ยวกับการป่าไม้อย่างเดียวกัน

นอกจากนี้ ยังพบว่าเกิดปัญหาในการบริหาร ทั้งในด้านนโยบาย วิชาการ บุคลากร และการบังคับใช้กฎหมาย เป็นเหตุให้ระบบการบริหารงาน และการบังคับใช้กฎหมายขาดประสิทธิภาพ ดังนั้นเพื่อให้การบริหารจัดการทรัพยากรป่าไม้ของประเทศมีเอกภาพและเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลสมควรรวมกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กับกรมป่าไม้ เป็นกรมป่าไม้

ด้านกระทรวงยุติธรรม(ยธ.) ขอความเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.จราจรทางบก(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....กำหนดอุปกรณ์เพื่อช่วยในการแสดงสัญญาณจราจร และกำหนดข้อสันนิษฐานกรณีผู้ขับขี่ไม่ยอมให้ทดสอบโดยไม่มีเหตุอันควร

คณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอ ครม.คณะที่ 4 (ฝ่ายเศรษฐกิจ) ซึ่งมีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เป็นประธาน เสนอการทบทวนมติ ครม.เมื่อวันที่ 28 มี.ค.54 กรณีการปรับอัตราค่าจ้างของลูกจ้างรัฐวิสาหกิจ ดังนี้ 1.เห็นควรยืนยันตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 28 มี.ค.54 กรณีการปรับอัตราค่าจ้างของลูกจ้างรัฐวิสาหกิจ เนื่องจากมติ ครม.ดังกล่าวมีเจตนารมณ์เพื่อช่วยเหลือค่าครองชีพของผู้มีรายได้น้อยเป็นหลัก

2.เห็นควรให้มีการปรับโครงสร้างเงินเดือนของพนักงานและลูกจ้างรัฐวิสาหกิจให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจ ทั้งนี้ให้นำผลการศึกษาการปรับโครงสร้างเงินเดือนของพนักงานและลูกจ้างรัฐวิสาหกิจ ทั้งระบบมาประกอบการพิจารณาด้วย

ส่วนกระทรวงแรงงานเสนอมติคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์เมื่อวันที่ 27 ก.พ.55 เรื่องการจ่ายเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวของลูกจ้างรัฐวิสาหกิจ ให้ ครม.พิจารณาเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายเพิ่มเงินเดือนข้าราชการระดับปริญญาตรี 1.5 หมื่นบาทต่อเดือน

การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เสนอรายชื่อผู้ว่าการ รฟม.คนใหม่ให้ที่ประชุมครม.พิจารณา


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ