นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง เผยหากคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญในคดีแก้รัฐธรรมนูญออกมาในทางลบ แกนนำ นปช.จะมีการเรียกประชุมและกำหนดท่าทีในการเคลื่อนไหวโดยทันที ซึ่งไม่ใช่การกดดันการทำหน้าที่ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ แต่เพื่อปกป้องหลักการตามหลักประชาธิปไตย แต่ยังเชื่อว่าคำวินิจฉัยจะเป็นไปในทิศทางที่ดี เพราะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญต้องตระหนักถึงผลกระทบต่อสถานการณ์บ้านเมืองด้วย
"ต้องเข้าใจการวินิจฉัยในวันศุกร์นี้มีผลต่อบ้านเมือง แต่ยังมั่นใจว่าคำวินิจฉัยออกมาในทางที่ดี แต่ถ้าคำวินิจฉัยออกมาในทางลบจะมีการประชุมแกนนำฯทันทีและประกาศมาตรการเคลื่อนไหว" นายณัฐวุฒิ กล่าว พร้อมยืนยันจะไม่นำมวลชนไปปิดล้อมศาลรัฐธรรมนูญในวันดังกล่าว ซึ่งต่างจากการเคลื่อนไหวทางการเมืองของบางกลุ่มที่นำมวลชนไปปักหลักอยู่ที่ศาลรัธรรมนูญ
ทั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำตัดสินในคดีที่มีผู้ร้องให้วินิจฉัยว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 68 หรือไม่ ในวันที่ 13 ก.ค.นี้ เวลา 14.00 น.
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ตั้งแต่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับเรื่องคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าสู่การพิจารณา และมีคำสั่งให้รัฐสภาชะลอการแก้ไขรัฐธรรมนูญออกไป ทำให้ประเทศไทยอยู่ในสภาวะไร้รัฐธรรมนูญ เพราะกฏหมายสูงสุดของประเทศถูกคนบางกลุ่มเลือกใช้ตามอำเภอใจ ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ของการเมืองไทย ทำให้มองว่าวันศุกร์ที่ 13 กรกฎาคมนี้เปรียบเสมือนวันสยองขวัญ แต่ทั้งนี้รัฐบาลไม่ได้วิตกกังวลต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เพราะที่ผ่านมารัฐบาลดำเนินการถูกต้องตามกฏหมาย และหลังจากมีคำวินิจฉัยออกมาแล้วไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรก็จะทำให้รัฐบาลเข้มแข็งขึ้น
"วันศุกร์ที่ 13 เป็นวันแห่งความสุขของคนบางกลุ่ม โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ที่ดูมั่นใจว่าศาลฯจะวินิจฉัยไปในทางลบเพื่อเปิดโอกาสให้พรรคประชาธิปัตย์เข้าสู่อำนาจ แต่วิธีนี้ทำให้ประชาชนเสื่อมศรัทธา" นายณัฐวุฒิ กล่าว
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.)หลังมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนั้น นายณัฐวุฒิ ปฏิเสธไม่ทราบเรื่องดังกล่าว เพราะเป็นอำนาจและดุลยพินิจในการตัดสินใจเป็นของนายกรัฐมนตรี ซึ่งยังไม่มีการส่งสัญญาณในเรื่องนี้ เช่นเดียวกับกระแสข่าวที่จะมีการโยกย้ายตนเองสลับตำแหน่งกับนายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ รมช.พานิชย์ ก็อยู่ที่ดุลยพินิจของนายกรัฐมนตรีเช่นกัน