นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ที่ประชุมพรรควันนี้ยังไม่มีข้อสรุปถึงแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยจะรอให้ศาลรัฐธรรมนูญได้เผยแพร่คำวินิจฉัยกลาง และคำวินิจฉัยส่วนตัวของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญแต่ละคนก่อน
ส่วนความเห็นต่างๆ ของสมาชิกพรรคเพื่อไทยที่เสนอไปไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนการทำประชามติ หรือควรแก้รัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรานั้นถือเป็นความเห็นส่วนบุคคล
ทั้งนี้พรรคเพื่อไทยได้ออกแถลงการณ์ของพรรค 3 ข้อ คือ 1.ขณะนี้ยังมิได้ประกาศอย่างเป็นทางการในส่วนของคำวินิจฉัยกลางและคำวินิจฉัยส่วนตนของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จึงยังไม่อาจวิเคราะห์หรือหาข้อสรุปที่จะโต้แย้งคัดค้านหรือดำเนินการใดๆ ตามคำวินิจฉัยของศาลได้
2. พรรคเพื่อไทยยังคงยืนยันในข้อคัดค้านที่เห็นว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจรับคำร้องไว้วนิจฉัยตามมาตรา 68 และศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจที่จะวินิจฉัยกระบวนการแก้ไขรัฐธีรรมนูญ ซึ่งเป็นอำนาจของฝ่ายนิติบัญญัติ
3. ในเรื่องการลงประชามติหรือเดินหน้าลงมติวาระ 3 หรือไม่นั้น พรรคเห็นว่ากระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญ มีองค์ประกอบสำคัญจากส.ส.พรรคเพื่อไทย พรรคร่วมรัฐบาล และส.ว. จึงจำเป็นที่ต้องรับฟังความเห็นจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเพื่อประกอบการพิจารณาว่าจะมีความเห็นต่อกรณีดังกล่าวอย่างไร จึงเห็นว่ายังไม่มีความจำเป็นที่จะหาข้อยุติในประเด็นดังกล่าวขณะนี้
อย่างไรก็ตาม พรรคยังมีจุดยืนที่เป็นนโยบายยืนยันที่จะเดินหน้าแก้ไขรัญธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยและยึดมั่นในหลันิติรัฐ นิติธรรม เพื่อลดอุปสรรคจากการใช้รัฐธรรมนูญ 2550 ในการดำเนินกิจกรรมทางการเมือง และยังถือว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จัดให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ(ส.ส.ร.)เป็ญกระบวนการประชาธิปไตยที่เปิดโอกาสให้ประชาชนได้ใช้อำนาจของตนเอง เป็นการสถาปนารัฐธรรมนูญโดยประชาชน เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาระบอบประชาธิปไตยของประเทศอย่างแท้จริง
ด้านนายพีระพันธ์ พาลุสุข ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย ตั้งข้อสังเกตว่า ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 266 บัญญัติไว้ชัดเจนว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญต้องทำคำวินิจฉัยส่วนตนมาก่อนจึงจะมีคำวินิจฉัยกลาง อีกทั้งคำวินิจฉัยจะต้องประกาศในราชกิจจานุเบกษา แต่คำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่ผ่านมาจะประกาศในราชกิจานุเบกษาภายใน 15 วัน ซึ่งต้องติดตามว่าจะตรงกันเพียงใดกับการอ่านคำวินิจฉัย พร้อมยังเรียกร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญด้วย
ส่วนกรณีที่นายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ออกมาให้ความเห็นว่าหากคำวินิจฉัยไม่ชัดเจนสามารถยื่นหนังสือสอบถามศาลรัฐธรรมนูญได้นั้น นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการณ์ผู้อำนวยการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องปกติวิสัยในการตัดสินคดี เพราะเป็นการขยายขอบเขตอำนาจศาลเกินความจำเป็น จึงอยากรอคำวินิจฉัยเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างเป็นทางการเพื่อให้ทราบว่าอะไรคือข้อผูกพันกับองค์กร และการเขียนคำวินิจฉัยจะมีความชัดเจนละเอียดว่าอ้างอิงกับกฎหมายใด
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า พรรคเพื่อไทยยังมีภาระผูกพันธ์กับประชาชนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อลดอุปสรรคในการพัฒนาประเทศ และสิ่งที่จะดำเนินการต่อไปต้องรอบคอบและเกิดประโยชน์ต่อประเทศมากที่สุด
ส่วนสาเหตุที่ต้องการรอคำวินิจฉัยอย่างเป็นทางการ เป็นเพราะไม่อยากให้เป็นการใช้จินตนาการของเราเอง และให้เกิดความชัดเจนว่าอะไรคือคำวินิจฉัย อะไรคือความคิดเห็น ซึ่งถ้าศาลมีคำวินิจฉัยอย่างเป็นทางการออกมาวันใดก็พร้อมหารือกันทันที ขณะที่ได้ทำความเข้าใจกับแกนนำพรรคที่ต้องการเดินหน้าลงมติวาระ 3 ซึ่งทุกคนก็คุยกัน และเห็นชัดเจนว่ามีปัญหาในเรื่องนี้อยู่
ด้านนายสมฤทธิ์ ไชยวงค์ โฆษกศาลรัฐธรรมนูญ ระบุว่า การจัดทำคำวินิจฉัยส่วนตนและคำวินิจฉัยกลางของศาลรัฐธรรมนูญในเบื้องต้นจะต้องใช้เวลาประมาณ 15 วันจึงจะสามารถเผยแพร่ได้ โดยทางสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญกำลังเร่งมือเพื่อตรวจทานความถูกต้องและจะรีบดำเนินการให้เร็วที่สุดเพราะเข้าใจว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ