นายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร แถลงหลังเรียกประชุมสมาชิกรัฐสภา 416 คนร่วมหารือกรณี พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 ล้มล้างการปกครองว่า สมาชิกรัฐสภาทั้ง สส.และ สว.ที่ร่วมประชุมกันต่างเห็นพ้องกันว่าควรจะเดินหน้าลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระที่ 3
อย่างไรก็ตาม คงจะต้องให้สมาชิกรัฐสภาลงมติเป็นรายบุคคลว่าจะเดินหน้าลงมติวาระ 3 ในร่างแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายรัฐธรรมนูญหรือไม่ และให้เป็นอำนาจของนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภาที่จะกำหนดวันเวลาลงมติ แต่คาดว่าจะพิจารณาเป็นวาระแรกทันทีที่เปิดสมัยประชุมสภาฯ ไม่ควรให้ล่าช้า
นายเจริญ กล่าวว่า การที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยระบุว่าการยกร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับไม่สามารถกระทำได้ หากไม่มีการจัดทำประชามติจากประชาชน หรือให้แก้ไขเป็นรายมาตรานั้น ที่ประชุม ส.ส.และส.ว.บางส่วนวันนี้เห็นว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 นั้นยังเป็นเพียงการแก้ไขรายมาตรา ยังไม่ได้ยกเลิกรัฐธรรมนูญปี 50 ทั้งฉบับ ดังนั้น จึงเป็นอำนาจโดยชอบธรรมของรัฐสภาที่จะลงมติวาระ 3 โดยไม่ต้องจัดทำประชามติ
มติในที่ประชุมสมาชิกรัฐสภาทั้ง 416 คนวันนี้จะไม่ขัดแย้งกับมติของพรรคเพื่อไทยที่ก่อนหน้านี้ระบุว่าให้รอคำวินิจฉัยกลางและคำวินิจฉัยส่วนตนของศาลรัฐธรรมนูญก่อน เพราะมติของพรรคเป็นคนละส่วนกับมติของสมาชิกรัฐสภา และได้ประสานให้ตัวแทนของแต่ละพรรคไปชี้แจงพรรคของตนเองแล้ว
"ในกรณีที่สมาชิกรัฐสภาโหวตไม่เห็นด้วยให้ลงมติวาระ 3 ต้องให้คำตอบได้ด้วยว่าจะให้สภาฯ เดินหน้าอย่างไร จะโหวตไม่เอาแล้วถอนร่างไม่ได้ และหากเลือกที่จะให้จัดทำประชามติก่อนลงมติในวาระ 3 ก็ต้องประสานรัฐบาลดำเนินการจัดทำประชามติต่อไป" นายเจริญกล่าว
พร้อมระบุว่า หากเสียงในรัฐสภาลงมติในวาระ 3 แล้วเสร็จต้องให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นำขึ้นทูลเกล้าฯ ภายใน 20 วัน เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยและประกาศใช้ในพระราชกิจจานุเบกษา
"ไม่กังวลว่าหากดำเนินการลงมติวาระ 3 จะทำให้เกิดการยื่นคำร้องและเกิดเป็นความขัดแย้งระลอกใหม่ เพราะขณะนี้ได้ดำเนินการโดยยึดหลักการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญแล้ว คงจะไปห้ามสิทธิผู้ที่ต้องการจะร้องไม่ได้ แต่กลัวจะไม่ร้องมากกว่า" นายเจริญ กล่าว