นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ต้องรอดูความชัดของคำวินิจฉัยกลางของศาลรัฐธรรมนูญในคดีการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 68 หรือไม่ก่อน ซึ่งอาจต้องชะลอการลงมติร่างแก้ไขในวาระ 3 ไว้ ซึ่งหลังจากได้เห็นคำวินิจฉัยกลางของศาลรัฐธรรมนูญแล้วจะมีการหารือกับพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อกำหนดแนวทางร่วมกันในวันที่ 31 ก.ค.นี้ ส่วนแนวทางการดำเนินการจะเป็นไปในทิศทางใดจะมีการหยิบยกเรื่องนี้ไปหารือในที่ประชุมสัมมนาพรรคเพื่อไทย(พท.)ในช่วงปลายเดือน ก.ค.นี้ ซึ่งพรรคได้เตรียมไว้ 2 แนวทาง คือ การแก้ไขเป็นรายมาตรา และการตั้ง ส.ส.ร.
ก่อนหน้านี้ในพรรคมีการหารือเบื้องต้นแล้วเห็นว่ามีหลายมาตราที่จะแก้ไข แต่เห็นว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญพร้อมกันในคราวเดียวทั้งหมดเป็นเรื่องยากจึงอาจจะต้องแก้ไขบางมาตราก่อนเป็นอันดับแรก แต่ยังไม่ได้ระบุว่าจะเป็นมาตราใด
"แนวโน้มการแก้ไขจะลองพยายามแก้รายมาตราดูก่อน ถ้าไม่ยืดเยื้อเกินไป ถ้าดำเนินการไม่ได้อาจจะมีการทบทวนอีกครั้ง...มีการพูดคุยแก้ไขหลายมาตรา แต่อาจแก้ไขบางมาตราก่อน หลังจากนั้นอาจแก้ไขใหญ่" นายวรวัจน์ กล่าว
นายวรวัจน์ กล่าวว่า การดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐบาลได้พิจารณาอย่างรอบคอบและให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด อีกทั้งต้องเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย
ส่วนกระแสข่าวการปรับ ครม.นั้น นายวรวัจน์ กล่าวว่า ยังไม่มีการหารือในเรื่องนี้ โดยเรื่องดังกล่าวเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรีที่จะเป็นผู้ตัดสินใจ ซึ่งยังไม่น่าจะเกิดขึ้นในช่วงนี้ และยังไม่ทราบเรื่องที่คณะกรรมการบริหารพรรคเสนอให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาดึง พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มาช่วยงานรัฐบาลหลังเกษียณอายุราชการแล้วหรือไม่