นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า การที่กลุ่มคนเสื้อแดงที่จังหวัดเชียงใหม่ ปิดล้อมถนนและขว้างปาหินใส่ขบวนรถของตนเองระหว่างการลงพื้นที่และร่วมงานสัมมนาของพรรค เป็นข้อเท็จจริงที่ชี้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไม่เคยออกมาพูดหรือห้ามปรามคนเสื้อแดงให้หยุดพฤติกรรมเหล่านี้ ซึ่งเหตการณ์ที่เกิดขึ้นไม่เพียงแต่การแสดงออกแต่มีความจงใจที่จะทำร้าย เพราะว่ามีความพยายามที่จะนำรถมาปิดถนน เพียงแต่ว่ารถของตนเองหลุดออกมา ก่อนที่จะมีการปาก้อนหินใส่
"พฤติกรรมเหล่านี้ผิดต่อกฎหมายชัดเจน ซึ่งเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่จะต้องดำเนินการ และต้องถามไปยังพรรคเพื่อไทย รัฐบาล ว่านี่คือนโยบายปรองดองและการรักษาความสงบเรียบร้อยหรืออย่างไร ส่วนผมจะไม่มีการยื่นเรื่องให้ กกต.พิจารณา แต่อยากให้ กกต.ในฐานะที่ดูแลกติกาการแข่งขันทางการเมืองระหว่างพรรคการเมืองจะปล่อยให้สภาพเป็นอย่างนี้ต่อไปหรือไม่ เพราะพรรคการเมืองบางพรรคสามารถมีกลุ่มมวลชนมาขัดขวางการปฎิบัติงานและหน้าที่ของพรรคการเมืองอื่นได้" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนว่ามีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เห็นว่าเป็นประเด็นทางการเมือง ที่ทางผู้เสนอรวมถึงผู้มีส่วนร่วมจะต้องตัดสินใจ ส่วนตนเองยืนยันว่าควรทำให้ประเทศสงบ และเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองและรัฐบาลที่สุด เพื่อจะได้นำเวลาที่เหลือมาแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ภัยพิบัต และเหตุการณ์ความรุนแรงทางภาคใต้ ที่รัฐบาลต้องใส่ใจมากกว่าการมุ่งที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ และแก้กฎหมายล้างผิดเพื่อตอบสนองความต้องการของ พ.ต.ท.ทักษิณ และพวก เพียงอย่างเดียว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงกล่าวถูกกล่าวหาว่า หนีทหารและใช้เอกสาร สด. 9 เท็จสมัครรับราชการทหาร เป็นการพูดเรื่องเก่า ซึ่งหลักฐานรายงานผลการสอบสวนการเข้ารับราชการโรงเรียนนายร้อย จปร.ที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช.ออกมาแสดงนั้นเป็นเอกสารตั้งแต่ปี 2542 เมื่อบรรจุพยานสืบในศาล ถ้าเอาเอกสารประกอบเรื่องบัญชีการผ่อนผันเข้าไป พยานเองก็ยอมรับว่าจะมีผลกระทบเปลี่ยนแปลง เพราะว่ารายงานที่ทำปี 2542 และที่กระทรวงกลาโหมทำล่าสุดก็ไม่ได้นำประเด็นบัญชีผ่อนผันทหารเข้าไปพิจารณาด้วย ซึ่งทำให้ไม่มีประเด็นอะไรเพิ่มเติม