น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) จะเดินทางมายื่นหนังสือเพื่อให้ถอนร่างพ.ร.บ.ว่าด้วย ความปรองดองแห่งชาติ ออกจากวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎรภายในวันที่ 1 ส.ค.ไม่เช่นนั้นจะออกมาชุมนุมใหญ่เพื่อต่อต้านว่า เรื่อง พ.ร.บ.ปรองดองฯ เป็นเรื่องของสภาผู้แทนราษฎรที่จะต้องใช้กลไกของสภาฯในการหารือกัน ซึ่งหากกลุ่มพันธมิตรฯไม่เห็นด้วยกับร่างพ.ร.บ.ปรองดอง สภาฯ ก็มีส.ส.ซึ่งเป็นตัวแทนประชาชนที่จะทำหน้าที่ชี้แจง แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในส่วนนี้อยู่แล้ว ซึ่งมองว่าน่าจะใช้กระบวนการทางสภาฯชี้แจงทำความเข้าใจในเรื่องนี้กันมากกว่า
อย่างไรก็ตาม หากจะมีการชุมนุมก็ขอให้ชุมนุมอยู่ในขอบเขตของกฎหมายและประชาธิปไตย
ทั้งนี้ ยืนยันว่า ร่างพ.ร.บ.ปรองดองฯ รัฐบาลไม่ได้เป็นผู้จัดทำ หากจะมีการชุมนุมกันจริงๆ ก็ต้องขอความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ดูแลสถานการณ์การชุมนุม
"อยากให้ประเทศผ่านพ้นการแก้ปัญหาอุปสรรคในหลายๆด้านไปก่อน เพราะประเทศยังมีปัญหาอีกเยอะ"นายกรัฐมนตรี กล่าว
พร้อมกันนี้ นายกฯ ยังกล่าวถึงสถานการณ์โรคมือ เท้า ปาก ว่า ขณะนี้สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ในระดับหนึ่งแล้ว และอยู่ในวงจำกัด แต่ก็ได้กำชับให้กระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงมหาดไทยเข้าไปช่วยดูแลและทำความเข้าใจกับประชาชนในการหาวิธีป้องกันดูแลตัวเองจากการแพร่ระบายของโรคอย่างเต็มที่
ด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ และแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯ จะออกมาชุมนุมเคลื่อนไหวกดดันรัฐบาลหากจะมีการนำร่างพ.ร.บ.ปรองดองฯ เข้าส่วาระการพิจารณาของที่ประชุมสภาว่า เชื่อว่าสาเหตุที่กลุ่มพันธมิตรฯ จะออกมาเคลื่อนไหวด้วยการชุมนุมใหญ่ไม่ได้มาจากเรื่องคัดค้านพ.ร.บ.ปรองดอง แต่เงื่อนไขจริงๆ มาจากการที่กลุ่มพันธมิตรฯ ไม่ต้องการให้พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลมากกว่า
ทั้งนี้ ขณะนี้รัฐบาลเองยังไม่มีท่าทีที่จะเดินหน้าเรื่องพ.ร.บ.ปรองดองฯ เข้าสู่การพิจารณาของสภา เพราะว่าจากความเห็นของหลายฝ่ายในขณะนี้ ต่างเห็นตรงกันว่าเรื่องพ.ร.บ.ปรองดองฯ จะต้องมีการหารือกันให้เกิดความรอบคอบและรัดกุมมากที่สุด
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า พ.ร.บ.ปรองดองฯ ถือเป็นกลไกหนึ่งของการสร้างความปรองดอง ซึ่งเป็นนโยบายหนึ่งที่รัฐบาลได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา และทุกพรรคการเมืองเอง ต่างก็มีแนวทางเดียวกันในการนับสนุนเรื่องการสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นในชาติ ดังนั้นจึงมองว่า เรื่องพ.ร.บ.ปรองดองฯ ไม่ใช่เงื่อนไขทั้งหมดของสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงแต่มีบางกลุ่มพยายามใช้เรื่องนี้เป็นเงื่อนไขทางการเมือง
"การจะถอนหรือไม่ถอนพ.รบ.ปรองดองฯ กระบวนการจ้องล้มรัฐบาลก็ยังมีอยู่ เรื่องปรองดองไม่ใช่เงื่อนไขของการชุมนุมใหญ่ แต่เงื่อนไขจริงๆ มีเรื่องเดียว คือไม่อยากให้พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล...การเปิดเกมรุกที่ไม่มีเหตุผลอันชอบธรรมก็ยากที่จะได้รับการสนับสนุน" นายณัฐวุฒิ กล่าว