นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)เห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอในการรับรองการดำเนินการตามมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ(United Nations Security Council : UNSC) ที่ 2021 (ค.ศ. 2011) เกี่ยวกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกเพื่อเป็นการปฏิบัติตามพันธกรณีที่ไทยมีต่อสหประชาชาติ โดนสอดคล้องกับกฎหมายภายในของไทย โดยเมื่อวันที่ 29 พ.ย.54 คณะมนตรีความมั่นคงฯ รับรองข้อมติที่ 2021 (ค.ศ. 2011) ขยายเวลาการดำเนินการมาตรการคว่ำบาตรสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกออกไปจนถึงวันที่ 30 พ.ย.55 เพื่อสนับสนุนการเสริมสร้างสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาค
ในฐานะรัฐสมาชิกสหประชาชาติ ไทยมีพันธกรณีจะต้องดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงฯ และโดยที่ปัจจุบันไม่มีกฎหมายรองรับเพื่อให้ปฏิบัติตามพันธกรณีตามข้อมติข้างต้นได้อย่างครบถ้วน ทำให้ในบางกรณีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่อาจดำเนินมาตรการดังกล่าวได้ จึงจำเป็นต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีในการรับรองการดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงฯ เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติต่อไป โดยให้เป็นไปตามขอบเขตของกฎหมายภายในของไทย ทั้งนี้ การดำเนินการตามข้อมติ ที่ 2021 (ค.ศ. 2011) เป็นพันธกรณีที่ไทยในฐานะรัฐสมาชิกสหประชาชาติต้องปฏิบัติตามอยู่แล้ว และไม่มีความเกี่ยวข้องกับมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
นอกจากนี้ ครม.ยังเห็นชอบรับรองประกาศรายการสิ่งของและรายชื่อคณะบุคคลเพิ่มเติม ตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ที่ 1718 (ค.ศ. 2006) เรื่อง การคว่ำบาตรเกาหลีเหนือที่มีมาตรการเกี่ยวกับการดำเนินการตามข้อมติดังกล่าวเพิ่มเติม
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 2 พ.ค.55 คณะกรรมการคว่ำบาตรมีมติที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการตามข้อมติที่ 1718 (ค.ศ. 2006) ดังนี้ 1.1 กำหนดรายการสิ่งของต่าง ๆ ตามที่ระบุในเอกสาร S/2012/235 และ INFCIRC/254/Rev.10/Part1 ซึ่งรายการสิ่งของดังกล่าวรวมทั้งรายการสิ่งของอื่น ๆ ภายใต้มาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือดังกล่าวสามารถเรียกดูได้จากเว็ปไซต์http://www.un.org/sc/committees/1718/xport_list.shtml
1.2 กำหนดรายชื่อบุคคลและคณะบุคคลจำนวน 3 รายการ ได้แก่ 1) Amroggang Development Banking Corporation 2) Green Pine Association Corporation และ 3) Korea Heungjin Trading Company
ทั้งนี้ การดำเนินการตามข้อมติที่ 1718 (ค.ศ. 2006) เป็นพันธกรณีที่ไทยในฐานะรัฐสมาชิกสหประชาชาติมีพันธกรณีที่ต้องปฏิบัติตามอยู่แล้วซึ่งเป็นไปตามข้อ 25 ของกฎบัตรสหประชาชาติ และไม่มีความเกี่ยวข้องกับมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
กระทรวงการต่างประเทศ มีความเห็นว่า การดำเนินการตามข้อมติ UNSC เป็นสิ่งที่ไทยในฐานะรัฐสมาชิกสหประชาชาติปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดมาโดยตลอดตามมติคณะรัฐมนตรีภายใต้กรอบกฎหมายไทยที่มีอยู่ในปัจจุบัน สำหรับข้อมติที่ 1718 (ค.ศ. 2006) และข้อมติที่ 1874 (ค.ศ. 2009) ซึ่งกำหนดมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือเพิ่มเติม ที่ผ่านมาหน่วยงานไทยได้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดตามมติคณะรัฐมนตรีภายใต้กรอบกฎหมายภายในที่มีอยู่ เพื่อเป็นการส่งเสริมบทบาทของไทยด้านความมั่นคงในเวทีสหประชาชาติ