ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีวานนี้ ไม่ได้มีการหารือถึงพระราชกฤษฎีการอภัยโทษแก่ผู้ต้องโทษ และในฐานะที่ดูแลกระทรวงยุติธรรม ยืนยันว่าร่างพระราชกฤษฎีกาจะเหมือนทุกปี ไม่มีเรื่องใดเป็นพิเศษ ไม่มีการยกเว้นคดีทุจริต เพราะรัฐบาลยึดมั่นต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น ดังนั้น จึงให้ทุกคนเชื่อมั่นในรัฐบาลและอย่าได้มองว่ารัฐบาลมีเจตนาแอบแฝง ซึ่งในปีนี้มีนักโทษที่จะได้รับพระราชทานอภัยโทษกว่า 3 หมื่นคน
นอกจากนี้ ตามที่ตนได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีให้ตรวจสอบการทุจริต 3 โครงการใหญ่ ประกอบด้วย การทุจริตงบประมาณท้องถิ่น การทุจริตการรับจำนำข้าว และการทุจรติเงินเยียวยาน้ำท่วมนั้น เรื่องการทุจริตการรับจำนำข้าวพบว่ามีโรงสีในจังหวัดอ่างทองและสระบุรี รับซื้อข้าวมาจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีการทุจริตเรื่องค่าขนส่งที่เกินจริง ดังนั้น จะต้องมีการดำเนินการกับผู้ทุจริตอย่างจริงจังตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรี
ส่วนกรณีที่มีข้อมูลว่ามีนักการเมืองมีการซื้อขายหุ้นนอกตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งได้สั่งการให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว โดยยืนยันว่าไม่มีการกลั่นแกล้ง
"ส่วนตัวเชื่อว่าหากพบการทุจริตจริง ก็ไม่ได้หมายความว่าถือว่าเป็นการยืมมือตนเองไปพิจารณาเพื่อปรับคณะรัฐมนตรี เพราะการปรับคณะรัฐมนตรีเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี"
ส่วนกรณีพล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงษ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลากิจเดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่เกาะฮ่องกงว่า ส่วนตัวไม่ขอแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ และไม่ทราบว่าไปจริงหรือไม่ ทั้งนี้ไม่ขอแสดงความคิดเห็น แต่ถึงไปพบพ.ต.ท.ทักษิณ จริงก็ไม่เข้าข่ายละเว้นการปฎิบัติหน้าที่มาตรา 157 เพราะการเดินทางไปต่างประเทศกฎหมายไทยไม่สามารถบังคับใช้ได้ และเห็นว่าการลากิจเป็นเรื่องที่เหมาะสม เพราะได้ทำตามกฎหมายที่จะลาได้