นายพิมล ธรรมพิทักษ์พงษ์ หัวหน้าโฆษกศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า ที่ประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้ให้ความเห็นชอบกับร่างคำวินิจฉัยกลางกรณียกคำร้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 ไม่เข้าข่ายเป็นการล้มล้างการปกครองตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 ที่มีประมาณ 30 หน้าแล้ว แต่เนื่องจากจะต้องมีการปรับปรุง และแก้ไขคำผิดถูก ซึ่งคาดว่าแล้วเสร็จไม่เกินวันที่ 27 ก.ค.นี้ คู่กรณีจะสามารถคัดสำเนาคำวินิจฉัยกลาง และสำนักงานจะนำลงประกาศในราชกิจจานุเบกษารวมถึงเผยแพร่ทางเว็บไซต์ของศาลรัฐธรรมนูญได้ต่อไป
นอกจากนี้ ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำสั่งให้จำหน่ายคำร้องของ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยกับพวกที่ขอให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 และมาตรา 212 ว่าการที่นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทยกับพวกที่เป็น ส.ส.และ ส.ว.รวม 416 คน ดำเนินการจัดทำร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญมีผลทำให้เป็นการยกเลิกรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 เป็นการกระทำเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ และเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนี้หรือไม่
"ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าศาลได้มีคำวินิจฉัยที่ 18-22/2555 ลงวันที่ 13 กรกฎาคม 2555 ให้ยกคำร้องทั้ง 5 คำร้องแล้ว เนื่องจากเนื้อหาของคำร้องในคดีนี้เป็นประเด็นเดียวกันกับคดีที่ศาลได้วินิจฉัยไปแล้วดังกล่าวและไม่มีข้อเท็จจริงอื่นนอกเหนือจากคำร้องทั้ง 5 คำร้อง การพิจารณาคดีนี้ต่อไปจึงไม่เป็นประโยชน์แก่คดี ศาลจึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคำร้องตามข้อกำหนดศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาและการทำคำวินิจฉัย พ.ศ.2550 ข้อ 23 วรรคหนึ่ง"คำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ ระบุ
และศาลรัฐธรรมนูญยังมีคำสั่งให้จำหน่ายคำร้องของนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว.สรรหา ที่ขอให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 ว่า การที่กรรมาธิการและ ส.ส.ของพรรคการเมืองหลายพรรคหรือ ส.ว.ได้พิจารณาญัตติหรือมีส่วนร่วมในการประชุมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับที่...) พ.ศ...นั้น เป็นการกระทำเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนี้หรือไม่ เนื่องจากนายเรืองไกรได้มีหนังสือขอถอนคำร้องไปแล้ว