ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เห็นว่า คำวินิจฉัยกลางของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่จะเผยแพร่ในวันพรุ่งนี้(27 ก.ค.) จะมีสาระสำคัญไม่แตกต่างไปจากคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ 13 ก.ค.มากนัก ส่วนจะมีผลในการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อไทยหรือไม่นั้น ส่วนตัวเชื่อว่าถ้ายังเดินหน้าลงมติวาระ 3 รัฐบาลจะลำบากและมีปัญหา จึงอยากให้เลิกคิดที่จะลงมติวาระ 3
ส่วนในงานสัมมนาพรรคเพื่อไทยจะมีมติเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างไรก็ต้องว่าไปตามนั้น ซึ่งการให้ความเห็นทุกครั้งเป็นเพียงความเห็นส่วนตัว อย่างไรก็ดี ไม่ขอแสดงความเห็นถึงแนวคิดในเรื่องดังกล่าวของนายจาตุรนต์ ฉายแสง และนายโภคิน พลกุล อดีตสมาชิกบ้านเลขที่ 111 เพราะมองว่าเป็นความเห็นส่วนบุคคล
"ในงานสัมมนาพรรค 28 ก.ค. นี้ ผมจะนำเรื่องนี้ไปบอกกับทางพรรคว่า การเมืองวันนี้ถ้ายึดหลักกฎหมายตรงๆ ก็อยู่ลำบาก จะนำนิติศาสตร์ รวมกับรัฐศาสตร์ และหาข้อมูลทั้งทางลับและเปิดเผยมาประมวลเป็นข้อยุติในการทำงาน ทั้งในสภาฯ และของรัฐบาลก็จะไปได้" ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า จากที่ได้เคยปราศรัยบนเวทีหาเสียงว่าจะนำ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีกลับบ้านนั้น ยังมีความมั่นใจเต็ม 100 และมีวิธีการอยู่แล้วแต่ต้องรอพรรคตกผลึกในเรื่องดังกล่าวก่อน ทั้งนี้ไม่ขอพูดว่าจะพากลับมาเมื่อไร แต่จำเป็นต้องชี้แจงกับประชาชนให้เข้าใจว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้ทุจริต ซึ่งคนในพรรคหากใครได้ดำเนินการกันแล้วเห็นว่าไม่สำเร็จก็ควรจะหยุด แล้วให้ตนเอง นายสุธรรม แสงปทุม และนายอดิศร เพียงเกตุ ดำเนินการบ้าง
ขณะเดียวกัน ร.ต.อ.เฉลิม ยังปฏิเสธกระแสข่าวว่ากลุ่มการเมืองในพรรคเพื่อไทยพยายามมีบทบาทในกำหนดทิศทางให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเดินตาม โดยยืนยันว่านายกรัฐมนตรีมีความเป็นตัวของตัวเอง
สำหรับกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรีนั้น ร.ต.อ.เฉลิม ยินดีที่จะให้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) มาทำงานในตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีแทนตนเอง เนื่องจาก ผบ.ตร.มีความถนัดด้านการปราบปรามยาเสพติด ส่วนตัวเองจะไปอยู่ตำแหน่งใดนั้นขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพรรค