ประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรับประกาศมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมต่อภาคธุรกิจพลังงานและปิโตรเคมีของอิหร่าน อันเนื่องมาจากโครงการนิวเคลียร์ที่เป็นข้อพิพาทกันของอิหร่าน
กระทรวงการคลังสหรัฐได้พุ่งเป้าไปที่ธนาคารจีนแห่งหนึ่งและธนาคารอิรักรายหนึ่งที่ทำธุรกรรมทางการเงินกับธนาคารของอิหร่านที่ติดบัญชีดำ
ปธน.โอบามากล่าวว่าเขาได้มีคำสั่งคว่ำบาตรครั้งล่าสุด “เพื่อยับยั้งอิหร่านไม่ให้จัดตั้งกลไกการชำระเงินสำหรับการซื้อน้ำมันของอิหร่านเพื่อเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรที่มีอยู่ในปัจจุบัน และเพื่อใช้ประโยชน์จากโครงสร้างในปัจจุบันของกฎหมายคว่ำบาตรของเรา ซึ่งรวมถึงข้อยกเว้นสำหรับการลดการซื้อน้ำมันของอิหร่านลงอย่างมาก"
ภายใต้กฎหมายที่ปธน.โอบามาได้ลงนามเมื่อปลายปีที่แล้วนั้น สถาบันการเงินต่างชาติของประเทศที่รัฐบาลยังคงซื้อน้ำมันดิบของอิหร่าน ณ วันที่ 28 มิ.ย.ปีนี้ จะถูกปฏิเสธในการเข้าถึงตลาดการเงินของสหรัฐ
ประเทศทั้งหมด 20 ประเทศ ซึ่งรวมถึงญี่ปุ่น อินเดีย มาเลเซีย เกาหลีใต้และจีน ได้รับการยกเว้นจากสหรัฐ เนื่องจากรัฐบาลของประเทศดังกล่าวได้ลดการซื้อน้ำมันของอิหร่าน
“นอกจากนี้ ได้มีการขยายมาตรการคว่ำบาตรในปัจจุบันเกี่ยวกับภาคอุตสาหกรรมปิโตรเคมีของอิหร่าน โดยให้สามารถคว่ำบาตรการซื้อหรือการครอบครองผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีของอิหร่าน" ปธน.โอบามากล่าวในแถลงการณ์ที่ประกาศการดำเนินการล่าสุด
“การคว่ำบาตรมีผลครอบคลุมผู้ที่อาจจะพยายามเลี่ยงผลกระทบของมาตรการคว่ำบาตรเหล่านี้ ซึ่งรวมถึงบุคคลหรือองค์กรที่ให้การสนับสนุนแก่บริษัทน้ำมันแห่งชาติอิหร่าน (NIOC) บริษัทนาฟติราน อินเตอร์เทรด หรือธนาคารกลางอิหร่าน หรือมีผลสำหรับการซื้อหรือครอบครองโลหะมีค่าหรือตราสารหนี้ธนาคารสหรัฐโดยรัฐบาลอิหร่าน"
นอกจากนี้ ปธน.สหรัฐได้ประกาศว่ากระทรวงการคลังได้กำหนดมาตรการคว่ำบาตรต่อแบงก์ ออฟ คุนลุนในจีน และเอลาฟ อิสลามิค แบงก์ในอิรัก โดยระบุว่าธนาคารทั้งสองแห่งได้อำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมมูลค่าหลายล้านดอลลาร์ในนามของธนาคารอิหร่านที่มีแนวโน้มจะถูกคว่ำบาตรจากความเชื่อมโยงกับกิจกรรมด้านนิวเคลียร์ที่ผิดกฎหมายของอิหร่าน"