นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายของ พ.ต.ท .ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในการเดินทางไปสหรัฐฯ ของอดีตนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ได้พบปะหารือกับนักการเมือง นักธุรกิจ และนักวิชาการมากมายหลายคน โดยเฉพาะการพบปะกับนายเฮนรี่ คิสซิงเจอร์ อดีต รมว.ต่างประเทศของสหรัฐ ที่สำนักงานของเขาในมหานครนิวยอร์ค
เนื่องจากนายคิสซิงเจอร์เป็นนักการเมืองและนักวิชาการที่ทรงอิทธิพลทางความคิดในนโยบายต่างประเทศของสหรัฐมาตั้งแต่สมัยประธานาธิบดีนิกสันเป็นต้นมา และเป็นผู้รอบรู้เรื่องต่างๆเกี่ยวกับจีน ทวีปเอเซีย และอาเซียนเป็นอย่างดี
โดยการเข้าพบครั้งนี้ พ.ต.ท. ทักษิณ และนายคิสซิงเจอร์ ได้หารือและพูดคุยประเด็นทางเศรษฐกิจและการเมืองในภูมิภาคเอเชีย จีน การพัฒนาประชาธิปไตยในพม่า การเกิดขึ้นของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และประเทศไทย ซึ่งการหารือเป็นไปด้วยดีและหารือกันอย่างกว้างขวาง เพราะนายเฮนรี่ คิสซิงเจอร์ เป็นผู้ที่เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ทางด้านการต่างประเทศชนิดหาตัวจับยาก เหมือนได้เปิดประตูเชื้อเชิญให้มีการลงทุนเข้ามาในภูมิภาคของเรา หากสหรัฐฯสนใจมาลงทุนในบ้านเรา หรือแม้แต่ประเทศเพื่อนบ้าน เช่น พม่า มาเช่าที่ปลูกพืชการเกษตร เหมืองแร่ เขื่อน พลังงานไฟฟ้า ก็จะเป็นโอกาสที่ไทยจะได้เข้าร่วม
"วันนี้เห็นชัดเจนแล้วว่า พ.ต.ท.ทักษิณ สามารถเดินทางไปได้ทุกแห่งในโลก ประเทศรัสเซีย จีน อังกฤษ สหรัฐฯ ซึ่งมีที่นั่งถาวร ในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ท่านไปมาหมดแล้ว การเดินทางไปสหรัฐฯ โดยทั่วไปถือว่าประสบความสำเร็จ ซึ่งตรงนี้อาจไปกระตุกต่อมอิจฉาของศัตรูทางการเมือง เช่น กลุ่มพันธมิตร จึงเกิดการประท้วงบ้าง โดยน่าจะเป็นการจัดตั้งจากกรุงเทพฯ เพราะหัวโจกอยู่ที่นี่" นายนพดล กล่าว
ทั้งนี้ กลุ่มผู้ต่อต้านฯ ได้ออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องให้ทางการสหรัฐทบทวนเรื่องการให้วีซ่าเข้าประเทศกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เนื่องจากเป็นผู้ต้องโทษหนีคดีความผิดเกี่ยวกับการคอรัปชั่นตามคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ขณะที่นางคริสตี้ เอ เคนนี่ย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย ออกมายืนยันว่า การออกวีซ่าให้อดีตนายกรัฐมนตรีของไทยเป็นไปตามกรอบของกฎหมายสหรัฐ
นายนพดล กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้หวั่นไหวกับการออกมาเคลื่อนไหวต่อต้าน และถือเป็นเรื่องเล็กน้อยทางการเมืองที่ไม่อยากใส่ใจ เอามาเป็นอุปสรรคในการเดินทางไปประเทศอื่นๆ การเดินทางไปประเทศต่างๆ โดยสะดวกของ พ.ต.ท.ทักษิณ สะท้อนว่านานาชาติเข้าใจว่าคดีความของ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้นเป็นผลพวงจากเรื่องการเมือง ซึ่งต้องย้อนกลับมาดูภายในประเทศว่าเมื่อทั่วโลกคิดเช่นนั้นแล้ว เราจะคิดกันอย่างไร ฝ่ายต่อต้านจะรับฟังเสียงสะท้อนจากต่างประเทศมากน้อยแค่ไหน การเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ผ่านมาประชาชนก็ใช้ 15 ล้านเสียง บอกแล้วว่าให้ปรองดอง หยุดทะเลาะกันเสียที การยึดอำนาจไม่ใช่การแก้ปัญหา
"กรณีของแก้ว พงษ์ประยูร นักมวยที่ทุกคนรู้สึกตรงกันว่าถูกปล้นเหรียญทอง กรณีนี้น่าจะทำให้คนอีกฝ่ายเข้าใจความรู้สึกถึงการถูกกระทำเป็นอย่างไร ถ้าไม่ถูกกระทำก็จะไม่เข้าใจถึง 2 มาตรฐาน" นายนพดล กล่าว