นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้สรุปประเด็นสำคัญโดยเฉพาะการอภิปรายงบประมาณในช่วง 3 วันที่ผ่านมาว่ารัฐบาลนั้นล้มเหลวในการชี้แจงในหลายประเด็น และคิดว่ารัฐบาลชุดนี้ควรจะได้รับสมญานามว่าเป็นรัฐบาลที่เปิดช่องการทุจริต และปิดโอกาสของประชาชน ใน 4 ประเด็น
1. เรื่องการฟื้นฟูเยียวยาน้ำท่วม ในปี 2555 นั้นรัฐบาลมีงบกลาง 1 แสน 2 หมื่นล้าน ซึ่งใช้ไปสำหรับการแก้ไขป้องกันและเยียวยาน้ำท่วมในการเฉพาะหน้า และเรื่องที่เป็นเรื่องเร่งด่วน ดังนั้นการที่รัฐบาลนั้นพยายามที่จะปิดบังข้อมูลข้อเท็จจริงต่าง ๆ ว่า เงิน 1 แสน 2 หมื่นล้านนั้นได้ไปใช้ในประเภทของการป้องกันน้ำท่วมในเรื่องอะไร มีประสิทธิภาพเหมาะสมมากน้อยเพียงใดนั้น เป็นสิ่งที่ฝ่ายค้านจำเป็นต้องรับรู้
การพิจารณางบประมาณปี 2555 มีความจำเป็นในการที่เราจะต้องรู้ว่าปีที่แล้วงบในหมวดหมู่นี้นั้น ได้ใช้ไปมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผลมากน้อยเพียงใด และเหมาะสมแค่ไหนในการที่จะขออนุมัติสภาเพิ่มเติมในปี 2556 แต่รัฐบาลกลับไม่สามารถที่จะให้รายละเอียดข้อเท็จจริงกับฝ่ายค้านได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย พยายามที่จะเลื่อนการมอบเอกสาร พยายามที่จะหาข้อแก้ตัวมา โดยการไม่มอบเอกสารให้กับฝ่ายค้าน ตนคิดว่านี่เป็นสิ่งที่รัฐบาลชี้ให้เห็นว่าเป็นความพยายามในการเปิดช่องการทุจริตโครงการน้ำท่วมในปีนี้ ซึ่งจะมีเงินกู้เข้ามาเพิ่มอีกถึง 3 แสน 5 หมื่นล้าน
ขณะเดียวกัน รัฐบาลได้มอบหมายใหนายปลอดประสพ สุรัสวดี เป็นผู้ดูแลเงินกู้ 3 แสน 5 หมื่นล้าน ป้องกันน้ำท่วม ซึ่งชื่อ นายปลอดประสพ สุรัสวดี ขณะนี้อัยการได้สั่งฟ้องในคดีความเดิมสมัยดำรงตำแหน่งในกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในเรื่องของการประพฤติมิชอบ และอาจจะมีเรื่องของการทุจริต คอร์รัปชั่นเข้ามาเกี่ยวข้อง
"ตนปล่อยให้เรื่องอย่างนี้ผ่านไปไม่ได้ คนที่เป็นรัฐมนตรี ปปช. มีความเห็นสั่งฟ้อง อัยการมีความเห็นไปในทิศทางเดียวกันแต่นายกฯ นั้นยังปล่อยให้มีความรับผิดชอบดูแลเงินกู้ 3 แสน 5 หมื่นล้าน ซึ่งสภาไม่สามารถตรวจสอบได้เนื่องจากเป็น พรก. เพราะฉะนั้นรัฐบาลควรเปลี่ยนผู้ที่ดูแลเงินก้อนนี้ และเพื่อความสง่างามของรัฐบาล ตนก็คิดว่าไม่ควรจะมีรัฐมนตรีที่อัยการสั่งฟ้องในเรื่องของการทุจริต คอร์รัปชั่น อยู่ในคณะรัฐมนตรี จึงอยากจะขอจับตาดูต่อไปว่า นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ จะแก้ปัญหาในเรื่องนี้อย่างไร เพราะหากยังเก็บ นายปลอดประสพ ให้ดำรงตำแหน่งต่อไป นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ก็สมควรได้รับสมญานามว่า รัฐ่บาลเปิดช่องทุจริต ปิดโอกาสของประชาชน"นายชวนนท์ กล่าว
2. เรื่องการรักษาเสถียรภาพราคาสินค้าเกษตร โดยการลดพื้นที่ปลูกป่า ตัดยางพาราต้นเก่าทิ้ง 1 แสนไร่ รวมทั้งส่งออกยางให้น้อยลง 1 แสน 5 หมื่นตันนั้น ฝากถามนายณัฐวุฒิว่า ถ้าท่านโค่นยางเขา 1 แสนไร่แล้วชาวสวนยางทั้งหมดนั้นจะเอาอะไรกิน เพราะต้นยางต้องใช้เวลาประมาณ 7 ปีในการที่จะโตเต็มที่ให้ผลผลิตกับพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางได้ เช่นเดียวกันกับการลดการส่งยาง 1 แสน 5 หมื่นตัน จะเอายาง 1 แสน 5 หมื่นตันไปไว้ที่ไหน แถมยังจะขออนุมัติงบประมาณที่เหลืออีก 1 หมื่น 5 พันล้านตามที่เคยขอ ครม.ไว้ 3 หมื่นล้าน โดยใช้ไปแล้ว 1 หมื่น 5 พันล้าน ขณะนี้ราคายางอยู่ที่ 68 บาท ขี้ยางอยู่ที่ 28 บาท
“หมื่น 5 พันล้านแรกที่คุณเอาไปใช้พยุงราคายางให้ถึง 104 บาทนั้นขณะนี้การประเมินการใช้เงินเป็นอย่างไร ณัฐวุฒิต้องตอบครับ แล้วจะขออีกหมื่น 5 พันล้านเอาไปทำอะไร ในเมื่อคุณจะตัดยางทิ้งแล้ว เพราะฉะนั้นนี่ก็เป็นการที่จะเปิดช่องให้มีการทุจริต โกงกินกันระหว่างนักการเมืองกับพ่อค้าที่ไปสะสมยางไว้ในสต๊อก ในโกดังของตัวเอง"
3. เรื่องการจำนำข้าว ในประเด็นนี้ไม่ต้องเป็นที่สงสัยอีกแล้วว่า ทุกหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานภาคเอกชน สถาบันทางวิชาการ และหน่วยงานภาครัฐ ขณะนี้ก็ยอมรับแล้วว่า โครงการนี้มีการทุจริตคอร์รัปชั่นแน่นอน 4. โครงสร้างน้ำมัน มี 2 อย่าง คือราคาขายหน้าปั๊มน้ำมัน กับกองทุนน้ำมัน ซึ่งมีหน้าที่ในการดูแลไม่ให้ระดับราคาน้ำมันในประเทศนั้นสูงเกินไป เพราะฉะนั้นในอดีตที่ผ่านมา 20 — 30 ปี ตั้งแต่มีกองทุนน้ำมันนั้น เมื่อใดที่กองทุนน้ำมันติดลบ ก็แปลว่าเราใช้เงินกองทุนน้ำมันนั้นไปอุดหนุนน้ำมันในประเทศ แก๊สแอลพีจี เอ็นจีวีจะไม่สูง
“รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นรัฐบาลแรกที่สร้างปาฏิหาริย์ กองทุนน้ำมันติดลบด้วย น้ำมันและแก๊สแพงด้วย เจ๊งทั้ง 2 ขา ไม่เคยมีใครทำได้อย่างนี้ และผมก็ไม่รู้ว่าจะต้องไปศึกษาความรู้ความสามารถของคุณยิ่งลักษณ์ที่ไหนที่จะทำได้ขนาดนี้ กองทุนน้ำมันติดลบด้วย ประชาชนเจ๊งด้วย ประเทศชาติเจ๊งด้วย เจ๊งกันหมดทุกฝ่าย แอลพีจีก็จะต้องลอยตัว เงินกองทุนน้ำมันก็ติดลบ ตกลงว่าเงิน 2 หมื่นล้านที่กู้มาตอนต้นปี ผมสรุปเลยว่ากู้มาเพื่อไปให้เอกชน กู้มาเพื่อโยนเงินงบประมาณในส่วนของกองทุนน้ำมันนั้นข้ามกลับไปที่เอกชน"นายชวนนท์ กล่าว