พล.ต.ดิฎฐพร ศศะสมิต โฆษกกองอำนวยการรักษาความั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการศูนย์ปฏิบัติการแก้ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศปก.จชต.) ที่มี พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง เป็นประธาน ได้ประเมินถึงสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะเหตุเผารถยนต์ในโชว์รูมของบริษัท ปัตตานีฮอนด้าเมื่อวานนี้ และการก่อเหตุรุนแรงที่พุ่งเป้าหมายไปยังภาคเอกชน ซึ่งหากเอกชนรายใดไม่มั่นใจในความปลอดภัยให้แจ้งมายังสถานีตำรวจในพื้นที่เข้าไปช่วยดูแล
ซึ่งในการปฏิบัติหน้าที่ของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้ปรับวิธีการทำงานเพื่อป้องกันการก่อเหตุรุนแรงอยู่ตลอดเวลา และจะให้ทางศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศอ.บต.) ลงไปในพื้นที่เพื่อสร้างงานให้กับประชาชน
โฆษก กอ.รมน.กล่าวว่า การก่อเหตุมาจากหลายปัจจัย ดังนั้นเจ้าหน้าที่จึงไม่สามารถที่จะปล่อยปละละเลยได้ ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ กลุ่มแบ่งแยกดินแดน กลุ่มผู้ค้ายาเสพติด กลุ่มผู้ค้าของหนีภาษี ซึ่งมีเป้าหมายต้องการให้เกิดเหตุรุนแรงเหมือนกัน เพื่อกดดันให้เจ้าหน้าที่ออกจากพื้นที่ หรือไม่ให้เข้าไปดูแลในพื้นที่ แต่เมื่อเกิดเหตุแล้วเจ้าหน้าที่ก็จะต้องติดตามสืบสวนสอบสวนหาสาเหตุว่ามีความเชื่อมโยงกับกลุ่มใด
โฆษก กอ.รมน.กล่าวว่า ที่ประชุมฯ ยังไม่ได้หารือเรื่องโครงสร้าง ศปก.จชต.เนื่องจากยังจัดทำไม่เสร็จ โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาให้เกิดความเหมาะสมลงตัวมากที่สุด ซึ่งคาดว่าจะสามารถจัดทำเสร็จเพื่อเสนอนายกรัฐมนตรีให้ลงนามได้ภายในสัปดาห์หน้า
ส่วนกรณีที่มีชาวกัมพูชาที่นับถือศาสนาอิสลามเดินทางเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าวเป็นจำนวนมากนั้น โฆษก กอ.รมน.กล่าวว่า ที่ประชุมฯ ได้มอบหมายให้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) ไปตรวจสอบข้อมูล ซึ่งพบว่าจะมีการเดินทางเข้ามาราววันละ 1 พันคน แต่เป็นการเดินทางเข้ามาหางานทำในพื้นที่ดังกล่าวและเดินทางต่อไปยังมาเลเซีย ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุรุนแรง