น.ส.รสนา โตสิตระกูล สมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) กทม. ได้อภิปรายถึงการลดเป้างบประมาณขาดดุลเพื่อให้เข้าสู่งบประมาณสมดุลได้ภายในปี 59 ของรัฐบาลว่า ส่วนหนึ่งที่รัฐบาลจะสามารถประหยัดงบประมาณได้ คือ การลดค่าใช้จ่ายในส่วนต่างๆ เช่น ลดโครงการประชานิยมที่ไม่จำเป็น เช่น โครงการรถยนต์คันแรก โครงการบ้านหลังแรก โดยหันมาปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่นเพื่อไม่ให้กระทบภาคธุรกิจ รวมถึงต้องใช้งบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเตรียมรับมือวิกฤติเศรษฐกิจโลก
ขณะเดียวกันควรเพิ่มการจัดเก็บรายได้ โดยเฉพาะการเก็บรายได้จากทรัพยากรธรรมชาติ เช่น น้ำมัน และปิโตรเลียมด้วยการเพิ่มส่วนแบ่งที่รัฐควรได้รับ พร้อมกับขอให้รัฐบาลจัดตั้งกองทุนช่วยเหลือแรงงานไทย ที่ประสบปัญหาตกงานภายหลังภาคการผลิตจำนวนมากต้องหยุดกิจการ เพื่อให้มีรายได้ไม่ต้องกู้เงินนอกระบบ
ด้านนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ยืนยันจะบริหารจัดการงบประมาณด้วยความระมัดระวัง และรัฐบาลพร้อมรับฟังความเห็นของสมาชิกวุฒิสภาที่แนะนำ โดยเฉพาะเรื่องทุจริตคอรัปชั่นที่เรื้อรังมาเป็นเวลานาน โดยระบุว่ารัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ ซึ่งการบริหารรายจ่ายหากมีการทุจริตเกิดขึ้น รัฐบาลเห็นเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องปราบปรามให้หมด
นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า รัฐบาลจะพยายามบริหารวินัยการเงินการคลัง โดยการจัดทำงบประมาณปี 56 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนเพียงเล็กน้อยไม่ถึง 1% ซึ่งเป็นความตั้งใจของรัฐบาลที่จะระมัดระวังการใช้จ่ายงบประมาณ โดยรัฐบาลจำเป็นต้องลดความขาดดุลและทำให้สมดุลในปี 59 พร้อมย้ำประเทศจำเป็นต้องลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อพัฒนาการขนส่ง โดยยืนยันว่าไม่ได้หลบเลี่ยงนำเสนอรายงานต่อรัฐสภาแต่จะนำเสนอให้ครบถ้วนอีกครั้ง โดยขอจัดทำรายละเอียดอย่างรอบคอบก่อนเพราะเป็นการลงทุนในระยะยาว
นายกิตติรัตน์ ยังกล่าวถึงโครงการคืนภาษีรถยนต์คันแรกว่า ไม่ได้ดำเนินการโดยประชานิยม แต่เป็นโครงการที่จำเป็น เพราะประชาชนที่มีครอบครัวส่วนใหญ่จำเป็นต้องใช้รถยนต์ขนาดเล็กเพื่อความปลอดภัยในชีวิต ซึ่งการลดภาษีก็เป็นการคืนรายได้สู่ประชาชน โดยยืนยันว่ารัฐบาลพยายามลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ และขยายโอกาสให้ประชาชน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมวุฒิสภาวันนี้ ซึ่งเป็นวันที่สองของการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2556 และคาดว่าจะพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในค่ำวันนี้