พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง เปิดเผยว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำให้เร่งด่วนในการทำแผนดำเนินการ โดยเฉพาะเรื่องโครงสร้างเดิมทั้งหมด และเพิ่มศูนย์ปฏิบัติการจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปก.จชต.) เพื่อทำงานร่วมกันกับคณะกรรมการขับเคลื่อน ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังเขียนโครงสร้างให้กระชับขึ้น อาทิ ให้อำนาจ กอ.รมน. เลือกเจ้าหน้าที่ปฏิบัติในกองทัพภาคที่ 4 ส่วนหน้า ให้ผู้บัญชาการตำรวจภาค 9 เป็นผู้มีสิทธิ์เลือกผู้รับผิดชอบของฝ่ายตำรวจ โดยไม่ต้องรอคำสั่งจากหน่วยเหนือ รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดมีสิทธิ์ที่จะเลือกนายอำเภอที่ตั้งใจทำงาน
ขณะเดียวกันทางศอ.บต. และกอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้า จะมีการเสนอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พิจารณาว่าผู้ว่าราชการจังหวัดที่จะลงไปในพื้นที่ต้องเป็นอย่างไรมีคุณสมบัติอย่างไรในการทำงานร่วมกัน โดยนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ดำเนินการทันที
นอกจากนี้ จะเชิญพล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เข้ามาหารือเพื่อเร่งแต่ละกระทรวงรับผิดชอบ ให้เร่งจัดลำดับความสำคัญเร่งด่วนรวมถึงงบประมาณที่เหลือ ในการพัฒนาภาคใต้ ซึ่งถ้าเหลือก็จะให้เร่งดำเนินการลงทุนโครงการที่ยังคั่งค้างอยู่ของ 17 กระทรวงที่รับผิดชอบ
ส่วนกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) ตรวจสอบพบว่าโรงเรียนสอนศาสนาปอเนาะ อยู่เบื้องหลังความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ได้สั่งการให้สำนักข่าวกรองได้ติดตามข่าวแล้ว ซึ่งเห็นว่าเป็นการรายงานของทางป.ป.ง. โดยในประชุมวันพรุ่งนี้จะมีการสอบถามถึงเรื่องดังกล่าวด้วย
สำหรับการรายงานภาพรวมสถานการณ์ของกอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า มองว่าถ้าทุกกระทรวงได้ให้ความเร่งด่วน รวมถึงความสำคัญในการทำงานในพื้นที่ ความสบายใจก็จะเกิดขึ้น เพราะกำลังทหารที่ใช้ทำงานแทนพลเรือนขณะนี้ จะได้กลับมาทำงานด้านทหารมากขึ้น รวมถึงกลับมารักษาความปลอดภัยได้มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม คาดว่านายกรัฐมนตรีจะใช้โอกาสที่จะเดินทางไปร่วมประชุมเอเปกที่ประเทศรัสเซีย ในวันที่ 7-9 กันยายนนี้ พูดคุยกับทางประเทศมาเลเซีย ซึ่งเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นในภาคใต้ทางการมาเลเซีย ทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รวมถึงรองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติมาเลเซียได้ยืนยันแล้วว่า ไม่ได้มีส่วนยุ่งเกี่ยวกับสถานการณ์การติดธงชาติมาเลเซีย ขณะเดียวกันได้มีรายงานว่า ทางประธานกลุ่มเบอซาตู ได้ออกมาปฏิเสธ ว่าไม่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ในวันที่ 31 ส.ค. เลย โดยการข่าวรายงานว่าอาจจะมีอีกกลุ่มหนึ่งที่ต้องการให้มีความขัดแย้งระหว่างไทยกับมาเลเซีย ดำเนินการในเรื่องนี้ โดยเชื่อว่าไม่สามารถทำได้สำเร็จ ซึ่งต้องรอให้ได้รายละเอียดชัดเจนก่อน