รายงานข่าวจากรัฐสภา แจ้งว่า ที่ประชุมวุฒิสภาซึ่งนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมได้พิจารณาเรื่องด่วนเพื่อดำเนินกระบวนการถอดถอนนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ออกจากตำแหน่งตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดกรณีทำหนังสือส่งตัว ส.ส.และบุคคลอื่นรวม 19 คน ไปช่วยงานในกระทรวงวัฒนธรรมอันเป็นการก้าวก่ายแทรกแซงการปฏิบัติงานและการดำเนินงานของข้าราชการประจำซึ่งขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 266(1) โดยวันนี้ที่ประชุมฯ เปิดโอกาสให้คณะกรรมาธิการซักถามเพิ่มเติมกรรมการ ป.ป.ช.ในฐานะผู้ร้องจำนวน 12 คำถาม และซักถามนายสุเทพในฐานะผู้ถูกร้องจำนวน 11 คำถาม
นายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการ ป.ป.ช.ได้ตอบข้อซักถามโดยยืนยันว่านายสุเทพมีพฤติกรรมส่อว่าจงใจใช้อำนาจที่ขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 266(1) และถือว่ากระทำสำเร็จแล้วแม้นายสุเทพจะดึงหนังสือกลับคืนและยังไม่มี ส.ส.หรือบุคคลใดเข้าไปทำงานที่กระทรวงวัฒนธรรมก็ตาม ทั้งนี้เห็นว่า ส.ส.สามารถทำหน้าที่ผ่านกลไกรัฐสภาได้โดยไม่ต้องเข้าไปช่วยงานในกระทรวง
ส่วนกรณีที่ ป.ป.ช.ไม่นำผลคำวินิจฉัยของคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ที่ชี้ว่านายสุเทพไม่มีความผิด รวมถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญยกฟ้อง พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี ที่ส่ง ส.ส.พรรคเพื่อไทย ไปช่วยงานใน ศปภ.มาเทียบเคียง เพราะเห็นว่าเป็นคนละกรณี และคำวินิจฉัยดังกล่าวไม่มีผลผูกพันกับ ป.ป.ช. และเหตุผลที่ไม่ส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดดำเนินการกับนายสุเทพเพราะกรณีนี้ไม่มีฐานความผิดทางอาญา ทั้งนี้ยืนยัน ป.ป.ช. วินิจฉัยด้วยความเป็นกลาง
หลังจากนั้น นายสุเทพได้ตอบคำถามถึงเหตุผลที่ลงนามในหนังสือถึง รมว.วัฒนธรรม ส่ง ส.ส.และบุคคลอื่นรวม 19 คน ไปช่วยราชการว่า ทำหนังสือในนามที่ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีให้กำกับดูแลกระทรวงต่างๆ และต้องการให้บุคคลทั้ง 19 เป็นตัวกลางประสานงานลงพื้นที่เอาข้อมูลข่าวสารของกระทรวงวัฒนธรรมไปเผยแพร่ เนื่องจากเป็นกระทรวงใหม่ประชาชนยังไม่เข้าใจงานของกระทรวงฯ และต้องการให้นำปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนมาเพื่อหาหนทางแก้ไขร่วมกัน เช่น การเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ มั่นใจไม่ได้เข้าไปแทรกแซง ก้าวก่ายการทำงานของกระทรวงวัฒนธรรมหรือเอาตำแหน่งแต่อย่างใด และไม่มีพฤติการดังกล่าว ไม่ขัดเจตนารมย์ของกฎหมาย การกระทำของตนเองไม่ส่งผลเสียหายต่อทางราชการ และไม่ขัดผลประโยชน์ต่อรัฐ ไม่ทำให้ข้าราชการกระทบกระเทือน
นายสุเทพ ย้ำว่า รมว.วัฒนธรรม ยังไม่เคยได้รับ ไม่เคยเปิดอ่านหรือสั่งการ เพราะตนเองขอรับหนังสือคืนมาก่อน และยังไม่มีใครเข้าไปทำงาน ซึ่งถ้อยคำในหนังสือดังกล่าวไม่ใช่ลักษณะคำสั่งแต่รัฐมนตรีเจ้ากระทรวงสามารถใช้ดุลยพินิจพิจารณาได้ นอกจากนี้ยังเห็นว่า ตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรม กรณีที่ ป.ป.ช.ตีความ กรณีที่นำเรื่อง รมว.ยุติธรรม ลงนามคำสั่งแต่งตั้ง ส.ส.เพื่อไทย เข้าไปดูแลเรื่องถุงยังชีพของ ศปภ.
ทั้งนี้วุฒิสภาได้นัดให้ทั้งผู้ร้องและผู้ถูกร้องส่งคำแถลงปิดสำนวนเป็นลายลักษณ์อักษรภายในวันที่ 13 ก.ย.นี้ และกำหนดให้แถลงปิดสำนวนด้วยวาจาในวันที่ 17 ก.ย.55 เวลา 10.00 น. ก่อนจะลงมติถอดถอนหรือไม่ถอดถอนนายสุเทพในวันที่ 18 ก.ย.55 ทั้งนี้การพิจารณาถอดถอนนายสุเทพจะเป็นผลเมื่อ ส.ว.ลงมติ 3 ใน 5 ของจำนวนสมาชิกวุฒิสภา หรือจำนวน 89 เสียงขึ้นไป