พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม แถลงผลการดำเนินงานของกระทรวงยุติธรรมตามนโยบายรัฐบาลในรอบ 1 ปีว่า ได้ดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลใน 4 ด้าน ประกอบด้วย 1. ด้านการเสริมสร้างความเป็นธรรม ได้ดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาเพื่อสร้างความเป็นธรรมให้แก่ประชาชน การช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินจากเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง รวมทั้งการช่วยเหลือผู้ไม่ได้รับความเป็นธรรมทางอาญา โดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ การช่วยเหลือลูกหนี้จากปัญหาหนี้นอกระบบ โดยศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม โครงการคืนคนดีสู่สังคมเพื่อช่วยเหลือผู้พ้นโทษให้สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัวและไม่หวนกลับไปกระทำผิดซ้ำ โดยสำนักงานกิจการยุติธรรม โครงการรวมพลคนก้าวพลาด ทำดีเพื่อแม่ โดยกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน การแก้ไขปัญหาการปล่อยสารพิษลงแหล่งน้ำ โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ
นอกจากนี้ ยังตระหนักถึงความสำคัญในการยกระดับมาตรฐานนิติวิทยาศาสตร์ระดับสากล ในการรับเรื่องราวร้องทุกข์บุคคลสูญหายและศพนิรนามทั่วประเทศ โดยสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ รวมทั้งการเปิดช่องทางให้ประชาชนสามารถเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้โดยง่าย สะดวก รวดเร็ว และประหยัดมากขึ้น อาทิ การจัดตั้งสำนักงานยุติธรรมจังหวัด เพื่อเป็นหน่วยงานขับเคลื่อนความยุติธรรมในระดับจังหวัด ประชาชนยังสามารถร้องเรียน ร้องทุกข์เพื่อขอรับบริการด้านงานยุติธรรมได้ที่สายด่วนคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ หมายเลข 1111 กด 77 สายด่วนกรมสอบสวนคดีพิเศษ หมายเลข 1202 สายด่วนรับเรื่องร้องทุกข์ ร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริตคอรัปชั่นสำนักงาน ป.ป.ท. หมายเลข 1206 หรือแจ้งเบาะแสยาเสพติด ได้ที่สายด่วน สำนักงาน ป.ป.ส. หมายเลข 1386
ในส่วนของการปรับปรุงและพัฒนากฎหมายได้ดำเนินการในหลายมิติ อาทิ การยกระดับการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายตามมาตรฐานของ FATF โดย สำนักงานคณะกรรมการป้องกับและปราบปรามการฟอกเงิน(ป.ป.ง.) การแก้ไขกฎกระทรวงเรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการขายทอดตลาด พ.ศ.2554 โดยกรมบังคับคดี การปรับปรุงเพิ่มฐานความผิดของกรมสอบสวนคดีพิเศษ การปรับปรุง พ.ร.บ.ฟื้นฟู ของกรมคุมประพฤติ การปรับปรุงมาตรการทางภาษีมาใช้ในการบำบัดเด็กและเยาวชน ของกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน การพัฒนาระบบตรวจสอบที่ดิน (DSI Map)โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ และการปรับปรุงกฎหมายอาญา โดยสำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม
2. ด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กระทรวงยุติธรรมได้ดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติดในเรือนจำ โดยจัดตั้งเรือนจำสีขาวปลอดยาเสพติด จำนวน 52 แห่ง การคัดย้ายผู้ต้องขังไปคุมขัง ณ เรือนจำกลางเขาบิน จำนวน 398 ราย การติดตั้งเครื่องตัดสัญญาณโทรศัพท์มือถือ ณ เรือนจำความมั่นคงสูงจำนวน 4 แห่ง ประกอบด้วย เรือนจำกลางเขาบิน เรือนจำกลางคลองไผ่ เรือนจำกลางบางขวาง และเรือนจำกลางพิษณุโลก โครงการหมู่บ้านกองทุนแม่ของแผ่นดิน เฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษามหาราชินี โครงการพ่อแม่อาสา นำพาปลอดยาเสพติด โดยกรมคุมประพฤติ โครงการรวมพลคนก้าวพลาด ทำดีเพื่อแม่ โดยกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน โครงการคืนคนดีสู่สังคม โดยสำนักงานกิจการยุติธรรม และโครงการความร่วมมือกับพม่าด้านการพัฒนาทางเลือก โดย สำนักงาน ป.ป.ส.
นอกจากนี้ กระทรวงยุติธรรม โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้มีมติรับคดีการทุจริตการเบิกจ่ายยาแก้หวัดสูตรที่มีส่วนผสมสารซูโดอีเฟรดีน เป็นคดีพิเศษ ซึ่งผลจากการดำเนินคดีสามารถผลักดันให้เกิดกระบวนการจัดระบบควบคุมตรวจสอบการใช้ยาของประเทศ
3. ด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริต กระทรวงยุติธรรม โดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ(ป.ป.ท.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษได้ดำเนินการปรามปราบการบุกรุกที่ดินที่ออกเอกสารสิทธิ์ไม่ชอบด้วยกฎหมายในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติและป่าสงวนแห่งชาติหลายแห่งทั้งในจังหวัดนครราชสีมา จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดภูเก็ตมูลค่ารวมหลายร้อยล้านบาท การดำเนินการปราบปรามการหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากร และการปราบปรามการใช้จ่ายงบประมาณโดยมิชอบ หรือการจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ
นอกจากนี้ สำนักงาน ป.ป.ท. ได้จัดโครงการ “ข้าราชการไทยใจสีขาว" เพื่อค้นหาข้าราชการต้นแบบที่มีความประพฤติดี เสียสละทุ่มเทในการทำงาน ไม่ทุจริต และดำเนินชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง รวมถึงการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่น(Anti-Corruption WAR ROOM) เพื่อเพิ่มช่องทางให้กับประชาชนในการแจ้งเบาะแสการทุจริตคอรัปชั่นตลอด 24 ชั่วโมง ได้ที่หมายเลข 1206
4. การมุ่งสู่ประชาคมอาเซียน กระทรวงยุติธรรมได้ดำเนินการยกระดับการแก้ไขปัญหายาเสพติดจาก “วาระแห่งชาติ" เป็น “วาระแห่งภูมิภาค"โดยประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพในการจัดประชุมรัฐมนตรีอาเซียนสมัยพิเศษด้านยาเสพติด เพื่อย้ำเจตนารมณ์การต่อสู้กับปัญหายาเสพติดอย่างจริงจังร่วมกับประเทศอาเซียน เพื่อแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน และมุ่งเน้นการสกัดกั้น การลักลอบการค้ายาเสพติดในภูมิภาคของกลุ่มประเทศอาเซียน และนำไปสู่การเป็นเขตปลอดยาเสพติดภายในปี ค.ศ.2015
นอกจากนี้ กระทรวงยุติธรรม โดยสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสัมมนาเครือข่ายนิติวิทยาศาสตร์แห่งเอเซีย ครั้งที่ 4 ระหว่างวันที่ 28 พ.ย.55 และจัดประชุมสัมมนาบูรณาการเครือข่ายนิติวิทยาศาสตร์แห่งภูมิภาคเอเซีย ระหว่างวันที่ 29-30 พ.ย.55 รวมทั้งจะมีการลงนามในบันทึกความร่วมมือกับต่างประเทศ ระหว่างสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม และสถาบันนิติวิทยาศาสตร์แห่งราชอาณาจักรไทย และประเทศอาร์เจนตินา เพื่อพัฒนาการพิสูจน์บุคคลสูญหายกับเรื่องสิทธิมนุษยชน รวมถึงเหตุภัยพิบัติและอาชญากรรม รวมทั้งการจัดทำความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางนิติวิทยาศาสตร์และนิติเวชศาสตร์ระหว่างสถาบันนิติเวชศาสตร์วิคทอเรีย มลรัฐเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย