ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ระบุพร้อมรับฟังทุกความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับแนวทางการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนภาคใต้จาก ส.ส.ภาคใต้ของพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ที่ได้เชิญมาร่วมหารือในวันที่ 18 ก.ย.นี้ ซึ่งเชื่อว่าเมื่อได้หาริอกันแล้วจะช่วยให้ทิศทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าวดีขึ้น
"ฝ่ายค้านพูดได้ทุกเรื่อง ผมพูดคุยกับผู้นำฝ่ายค้านแล้ว ท่านให้ความเมตตาเป็นกันเองกับผม ท่านรับปากมาแน่...หลังพูดคุยทิศทางแก้ปัญหาจะดีขึ้น" ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
ขณะเดียวกันรัฐบาลจะเชิญคณะกรรมการกฤษฎีกาในฐานะที่ปรึกษาด้านกฎหมายเข้าร่วมประชุมด้วย เพื่อพิจารณาในประเด็นที่เกี่ยวข้องในเรื่องข้อกฏหมายต่างๆ
ร.ต.อ.เฉลิม ยังกล่าวถึงคลิปตำรวจตรวจคนเข้าเมือง(ตม.)เรียกรับเงินจากแรงงานต่างด้าวตามที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครักประเทศไทย นำมาเปิดในที่ประชุมสภาฯ วานนี้ว่า ตนเองได้สั่งการให้ผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง(ผบ.สตม.)ไปตรวจสอบ แต่หากนายชูวิทย์มีความจริงใจในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวจริงก็ควรนำหลักฐานมามอบให้ตนเองดีกว่าจะนำไปเปิดในที่ประชุมสภาฯ
ร.ต.อ.เฉลิม เชื่อว่า ข้อมูลที่นายชูวิทย์นำมาเปิดเผยอาจไม่ตรงกับข้อเท็จจริง แม้การลักลอบนำยาเสพติดจากกัมพูชาอาจมีบ้าง แต่ไม่ใช่แหล่งขนส่งหรือนำเข้ามาในประเทศ เพราะขณะนี้ยาเสพติดส่วนใหญ่จะมาจาก 8 จังหวัดภาคเหนือสูงถึง 83% และคลิปที่นำมาเผยแพร่ก็ไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจและวันเวลาที่ชัดเจน ซึ่งตนเองไม่อยากไปวิจารณ์ว่าการที่นายชูวิทย์เปิดคลิปโจมตีตำรวจบ่อยครั้ง เพื่อหวังผลทางการเมือง เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องไร้สาระ และหากนายชูวิทย์มั่นใจว่ามีข้อมูลเด็ดก็ให้นำมาใช้ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจได้เลย
"สาธุ ภาวนาเลย กลัวผมเหงาใส่ชื่อมาเถอะ เรียนผู้นำฝายค้าน ถ้าคุณชูวิทย์ร้องขอ เพราะอาจมีหลักฐานเด็ดน็อคผมในสภากรุณาใส่ชื่อหน่อย" ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
ส่วนกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(DSI) จะเชิญรัฐมนตรีในรัฐบาลที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี เข้าให้การคดีสลายการชุมนุมทางการเมืองเมื่อปี 2553 นั้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ถ้าหากคำให้การไปพาดพิงถึงใคร พนักงานสอบสวนต้องเรียกสอบ แต่เชื่อว่าการดำเนินการสอบสวนจะไม่ล่าช้า เพราะอดีตรัฐมนตรีบางคนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง และในส่วนของกองทัพก็ไม่เกี่ยวข้อง เพราะคำสั่งตั้ง ศอฉ.เป็นคำสั่งจากนายอภิสิทธิ์ในฐานะนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ที่ทำหน้าที่เป็น ผอ.ศอฉ.ในขณะนั้น ซึ่งคำสั่งเคลื่อนย้ายกำลังก็มาจากคำสั่งของ ศอฉ.ไม่ได้สั่งจากทางกองทัพ
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า สถานการณ์ทางการเมืองที่ตึงเครียดจะยังไม่คลี่คลายลงหากผลการสอบสวนแล้วเสร็จ เพราะคำตัดสินที่ออกมา ฝ่ายหนึ่งอาจพึงพอใจรัฐบาลและตนเอง แต่อีกฝ่ายอาจมองว่าตนเองไปตั้งธงไว้แล้ว แต่ขอยืนยันว่าตนเองไม่คิดกลั่นแกล้งใคร หรือจะโจมตีฝ่ายค้าน เพราะตนเองตั้งใจว่า หากครบวาระการทำงานของรัฐบาลจะเลิกเล่นการเมือง แต่ไม่ใช่เป็นการวางมือทางการเมืองเพราะตั้งใจช่วยพรรคเพื่อไทยในการหาเสียงเลือกตั้งอยู่แล้ว
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า เมื่อคืนได้โทรศัพท์คุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพราะส่วนตัวก็มีความคิดถึงกัน แต่ไม่ได้คุยกันเรื่องการเมือง ซึ่งอดีตนายกรัฐมนตรีอยากเดินทางกลับประเทศไทย รวมถึงเป็นห่วงทุกเรื่องและอยากให้ประเทศชาติเจริญก่วหน้า แต่ยังไม่ขอเปิดเผยว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะเดินทางกลับปลายปีนี้หรือไม่
ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ มีกำหนดเดินทางไปชมการแข่งขันรถยนต์ฟอร์มูล่าวันที่ประเทศสิงคโปร์ช่วงวันที่ 23-24 ก.ย.นี้ และได้เชิญให้ไปพบ แต่ตนเองคงไม่เดินทางไป เพราะคงจะมีคนเดินทางไปพบอดีตนายกรัฐมนตรีมากอยู่แล้ว